สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (28 พ.ย.) หลังจากมีรายงานว่ายอดค้าปลีกในช่วงหยุดสุดสัปดาห์เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้าของสหรัฐ พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและอุปสงค์พลังงาน นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่าผู้นำยุโรปกำลังหาแนวทางในการควบคุมวิกฤตหนี้สาธารณะ
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนม.ค.ปรับตัวขึ้น 1.44 ดอลลาร์ หรือ 1 49% ปิดที่ 98.21 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 100.74 - 97.13 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 2.60 ดอลลาร์ หรือ 2.44% ปิดที่ 109 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 106.63-109.49 ดอลลาร์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นหลังจากสหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติของสหรัฐรายงานโดยอ้างผลสำรวจของ BIGresearch ว่า ยอดค้าปลีกในช่วงสุดสัปดาห์หลังวันขอบคุณพระเจ้าของสหรัฐ พุ่งขึ้น 16% แตะระดับ 5.24 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยระบุว่าผู้บริโภคจับจ่ายใช้สอยโดยเฉลี่ยต่อคนที่ 398.62 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่ระดับ 365.34 ดอลลาร์
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำมัน NYMEX ได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์ก และรายงานที่ว่าผู้นำเยอรมนีและฝรั่งเศสกำลังหาแนวทางในการประสานนโยบายการคลังของประเทศสมาชิกยูโรโซนเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็วและแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายที่จะคุมเข้มวินัยด้านการคลังของประเทศในกลุ่มยูโรโซน
สหรัฐและสหภาพยุโรป (อียู) กำลังประชุมร่วมกันที่กรุงวอชิงตันในขณะนี้ โดยประธานาธิบดีบารัค โอบามา กล่าวว่า วิกฤตหนี้ยุโรปจะเป็น "ประเด็นหลัก" ในการหารือ และสหรัฐเต็มใจที่จะให้ความช่วยเหลือแก่ยุโรปในเรื่องนี้ด้วย
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ยังได้ปัจจัยบวกจากสถาการณ์ตึงเครียดในอิหร่านและซีเรีย โดยนายวิลเลียม เฮก รัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษเปิดเผยว่า รัฐบาลอังกฤษจะหารือกับประเทศพันธมิตรและจะตอบโต้อิหร่านอย่างรุนแรง หากอิหร่านลดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอังกฤษ ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากอิหร่านได้ขับเอกอัครราชทูตอังกฤษออกจากอิหร่าน เพื่อตอบโต้ต่อมาตรการคว่ำบาตรด้านนิวเคลียร์
ด้านซีเรียนั้น กลุ่มชาติอาหรับประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อซีเรีย ซึ่งรวมถึงการอายัดทรัพย์สินด้านการเงินของซีเรียในประเทศอาหรับ หลังจากซีเรียปฏิเสธที่จะยุติการกวาดล้างผู้ชุมนุมประท้วง ซึ่งข่าวการคว่ำบาตรซีเรียทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันดิบในตะวันออกกลาง
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันหลังจากองค์การเพื่อการพัฒนาและความร่วมมือทางเศรษฐกิจ (OECD) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และหลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เตือนว่า อันดับความน่าเชื่อถือของทุกประเทศในยุโรปอาจจะได้รับผลกระทบ หากไม่มีการใช้มาตการควบคุมการลุกลามของวิกฤตหนี้
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 25 พ.ย. ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.2%