สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 ธ.ค.) หลังจากมีรายงานว่าผู้นำเยอรมนีและฝรั่งเศสได้บรรลุข้อตกลงการควบคุมวินัยด้านการคลังที่เข้มงวดมากขึ้นของประเทศยูโรโซน แต่ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซา หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ และสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ประกาศให้ "เครดิตพินิจ แนวโน้มเชิงลบ" แก่ 15 ประเทศในกลุ่มยูโรโซน รวมถึงเยอรมนี
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนม.ค.ขยับขึ้น 3 เซนต์ ปิดที่ 100.99 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากพุ่งขึ้นแตะระดับ 102.44 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของวันนับตั้งแต่วันที่ 17 พ.ย.
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนม.ค.ปิดลบ 13 เซนต์ แตะที่ 109.81 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในช่วงเช้านั้นสัญญาน้ำมันดิบ NYMEX พุ่งขึ้นหลังจากประธานาธิบดีนิโคลาส์ ซาร์โกซีของฝรั่งเศส และนางอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีได้บรรลุข้อตกลงการเพิ่มความเข้มงวดด้านวินัยการคลังของประเทศยูโรโซน เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นของกลุ่มยูโรโซน
แต่สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ลดแรงบวกลง หลังจากเอสแอนด์พีประกาศให้ "เครดิตพินิจ แนวโน้มเชิงลบ" ต่อ 15 ประเทศกลุ่มยูโรโซน รวมถึง 6 ประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ AAA (เยอรมนี, ฝรั่งเศส, เนเธอร์แลนด์, ออสเตรีย, ฟินแลนด์ และลักเซมเบิร์ก ) ซึ่งหมายความว่ามีโอกาสถึง 50% ที่ประเทศเหล่านี้จะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือภายใน 90 วันข้างหน้า
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อของโรงงานในเดือนต.ค.ลดลง 0.4%
ขณะที่สำนักงานจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการขยายตัวที่ระดับ 52 จุดในเดือนพ.ย. ซึ่งตัวเลขดังกล่าวน้อยกว่าเดือนต.ค.ที่ขยายตัว 52.9 จุด และน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยายตัว 53.8 จุด ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 6 เดือน
นักลงทุนจับตาดูการรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ โดยการปิโตรเลียมสหรัฐ (API) จะเปิดเผยรายงานดังกล่าวในคืนนี้ตามเวลาไทย และสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานสหรัฐ(EIA) จะเปิดเผยในวันพุธ เวลา 22.00 น.ตามเวลาไทย