สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 ธ.ค.) หลังจากที่ประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) มีมติให้ใช้บทบัญญัติด้านการคลังซึ่งมีเป้าหมายที่จะควบคุมการขาดดุลงบประมาณและการลุกลามของวิกฤตหนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่าจีนจัดตั้งกองทุนเพื่อการลงทุนในยุโรป
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 1.07 ดอลลาร์ หรือ 1.09% ปิดที่ระดับ 99.41 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 99.91 - 97.36 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 51 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 108.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดน้ำมันนิวยอร์กพุ่งขึ้นหลังจากที่ประชุมผู้นำอียูมีมติใช้บทบัญญัติทางการคลังฉบับใหม่ซึ่งตั้งอยู่บนสนธิสัญญาระหว่างรัฐบาลและการเพิ่มความแข็งแกร่งในการประสานนโยบายเศรษฐกิจในประเด็นที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน โดยกำหนดว่าประเทศสมาชิกควรมียอดขาดดุลงบประมาณต่อปีไม่เกิน 0.5% ของจีดีพี ซึ่งมีเป้าหมายที่จะควบคุมการขาดดุลงบประมาณและการลุกลามของปัญหาหนี้สาธารณะ
ขณะเดียวกัน ตลาดได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า จีนได้จัดตั้งกองทุนเพื่อการลงทุนใหม่มูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนหนึ่งจะใช้ในการลงทุนในยุโรป ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าการลงทุนในยุโรปจะช่วยให้เศรษฐกิจยุโรปจะฟื้นตัวขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนธ.ค.ของสหรัฐ พุ่งขึ้นสู่ระดับ 67.7 จุด เมื่อเทียบกับช่วงท้ายเดือนพ.ย.ที่ระดับ 64.1 จุด ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ที่ 65.5 จุด และยังเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน