สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า การอสัญกรรมของนายคิม จอง อิล ผู้นำเกาหลีเหนืออาจจะเพิ่มแรงกดดันในคาบสมุทรเกาหลี นอกจากนี้มีการคาดการณ์ว่า อิหร่านอาจจะระงับการผลิตน้ำมันดิบหากถูกคว่ำบาตรมากขึ้น ซึ่งนักลงทุนมองว่าความตึงเครียดทางการเมืองเหล่านี้จะช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบให้ปรับตัวขึ้นในระยะใกล้นี้
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนม.ค.ปิดบวก 35 เซนต์ หรือ 0.37% แตะที่ 93.88 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 92.54-94.42 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.พ.ดีดขึ้น 29 เซนต์ หรือ 0.28% ปิดที่ 103.64 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 102.37-104.57 ดอลลาร์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบด้วยความระมัดระวัง หลังจากสถานีโทรทัศน์ของทางการเกาหลีเหนือได้ออกแถลงการณ์ยืนยันการอสัญกรรมของนายคิม จอง อิล ผู้นำเกาหลีเหนือ นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนหลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า 11 ชาติพันธมิตร ซึ่งรวมถึงสหรัฐ ยุโรป และประเทศอาหรับ จะประชุมร่วมกันที่กรุงโรมในวันนี้ เพื่อหารือกันเกี่ยวกับมาตรการคว่ำบาตรที่รุนแรงมากขึ้นต่ออิหร่าน
แบงก์ ออฟ อเมริกา คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบอาจพุ่งขึ้น 40 ดอลลาร์/บารเรล หากมาตรการคว่ำบาตรของนานาชาติทำให้การผลิตน้ำมันของอิหร่านต้องหยุดชะงักลง ซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าวมีขึ้นหลังจากประเทศพันธมิตรของสหรัฐและอังกฤษส่งสัญญาณความพร้อมที่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรที่แข็งกร้าวมากขึ้นต่ออิหร่าน เพื่อเป็นการตอบโต้โครงการนิวเคลียร์องอิหร่าน
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อยเนื่องจากตลาดได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป หลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศว่า อีซีบีจะไม่ซื้อพันธบัตรเพิ่มเติม และเตือนว่าวิกฤตหนี้สาธารณะจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรป
นักลงทุนจับตาดูการประมาณการตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ครั้งสุดท้ายของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า จีดีพีไตรมาส 3 จะขยายตัว 2.0% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการครั้งก่อน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 16 ธ.ค.ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 2.4 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 400,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.1%