สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 3% เมื่อคืนนี้ (20 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับยูโร หลังจากต้นทุนการกู้ยืมของสเปนปรับตัวลดลงในการประมูลขายตั๋วเงินคลังเมื่อวานนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากกระแสความวิตกกังวลที่ว่า สถานการณ์ที่ไม่สงบในอิหร่านและคาซัคสถานอาจจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน และหนุนราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอีกในระยะใกล้นี้
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 3.34 ดอลลาร์ หรือ 3.44% ปิดที่ 97.22 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยสัญญาเดือนม.ค.ได้รับกำหนดส่งมอบแล้วในวันอังคารที่ 20 ธ.ค. ส่วนสัญญาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 3.19 ดอลลาร์ ปิดที่ 97.24 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 3.09 หรือ 3% ปิดที่ 106.73 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร โดยดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินที่เป็นคู่ค้าหลักของสหรัฐ ร่วงลง 0.5% หลังจากต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาลสเปนปรับตัวลดลงในการประมูลขายตั๋วเงินคลังและพันธบัตรเมื่อวานนี้ รวมทั้งรายงานของสถาบัน Ifo ที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจเยอรมนีเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 107.2 จุดในเดือนธ.ค. จากระดับ 106.6 จุดในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมัน NYMEX ยังได้ปัจจัยบวกจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันในอิหร่านและคาซัคสถาน โดย 11 ชาติพันธมิตร ซึ่งรวมถึงสหรัฐและยุโรป ได้ประชุมร่วมกันที่กรุงโรมเมื่อวานนี้ เพื่อลงมติคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่มเติม เพื่อตอบโต้โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ขณะที่ แบงก์ ออฟ อเมริกา คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบอาจพุ่งขึ้น 40 ดอลลาร์/บาร์เรล หากมาตรการคว่ำบาตรของนานาชาติทำให้การผลิตน้ำมันของอิหร่านต้องหยุดชะงักลง
ส่วนที่คาซัคสถานนั้น ผู้ชุมนุมประท้วงราว 100 คนได้ปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองอัคเตาในภูมิภาค แมงกิสเตา ซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำมันในประเทศคาซัคสถาน ส่งผลให้มีประชาชนเสียชีวิตอย่างน้อย 15 คน และถือเป็น เหตุการณ์นองเลือดครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปีในคาซัคสถาน
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 16 ธ.ค.ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 2.4 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 400,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.1%