สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (21 ธ.ค.) หลังจากสำนักงานสารนิเทศด้านพลังงานของสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบร่วงลงเกินคาดในรอบสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานยอดขายบ้านที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่าแนวโน้มเศรษฐกิจและความต้องการพลังงานในสหรัฐยังคงสดใส
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 1.43 ดอลลาร์ หรือ 1.47% ปิดที่ 98.67 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 96.80-99.25 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 98 เซนต์ หรือ 0.92% ปิดที่ 107.71 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในช่วงแรกนั้น สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ทะยานขึ้นแข็งแกร่งหลังจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ตัดสินใจปล่อยสินเชื่อ 3 ปีมูลค่า 4.89 แสนล้านยูโร (6.39 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ให้แก่ธนาคารพาณิชย์ในยูโรโซน แต่หลังจากนั้นไม่นานสัญญาน้ำมันดิบก็ร่วงลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจว่ามาตรการดังกล่าวมีประสิทธิภาพมากพอที่จะแก้ไขวิกฤตหนี้ยุโรปได้
อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมัน NYMEX ดีดขึ้นมาเคลื่อนไหวในแดนบวกอีกครั้ง หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 16 ธ.ค. ร่วงลง 10.57 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 323.58 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปี และเป็นการปรับตัวลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงเพียง 2.4 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นร่วงลง 2.35 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 139.15 ล้านบาร์เรล ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.4 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 412,000 บาร์เรล สู่ระดับ 218.41 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง 0.2% สู่ระดับ 84.9%
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การปรับตัวลงของสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐสะท้อนให้เห็นว่า ความต้องการพลังงานภายในประเทศยังคงแข็งแกร่ง และตลาดได้รับแรงหนุนมากขึ้นเมื่อสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐระบุว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย.ของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น 4.0% แตะที่ 4.42 ล้านยูนิต
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมัน NYMEX ยังได้รับปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า อิหร่านอาจประสบกับภาวะตัดขัดด้านการลำเลียงและการผลิตน้ำมัน หลังจากสหรัฐ, กลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) และประเทศพันธมิตรายอื่นๆ มีมติใช้มาตรการกดดันอิหร่านเพิ่มเติม เพื่อบีบให้อิหร่านยุติโครงการนิวเคลียร์