สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 ธ.ค.) ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 5 วันทำการ เนื่องจากสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางยังคงก่อให้เกิดความกังวลเรื่องอุปทานน้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.บวก 15 เซนต์ หรือ 0.15% ปิดที่ 99.68 ดอลลาร์/บาร์เรล สำหรับตลอดสัปดาห์สัญญาน้ำมันดิบทะยาน 6.15 ดอลลาร์ หรือ 6.58%
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 7 เซนต์ ปิดที่ 107.96 ดอลลาร์/บาร์เรล สำหรับตลอดสัปดาห์สัญญาบวก 4.61 ดอลลาร์ หรือ 4.46%
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า แม้จะยังไม่เกิดภาวะอุปทานน้ำมันชะงักงัน แต่สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิหร่านกับโลกตะวันตก ความรุนแรงในอิรัก รวมถึงความไม่สงบในซีเรียและคาซัคสถาน ต่างเป็นปัจจัยเสี่ยงต่ออุปทานน้ำมันโลก และผลักดันให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
มีรายงานว่าอิหร่านจะปฏิบัติการซ้อมรบในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของช่องแคบฮอร์มุซเป็นเวลา 10 วัน ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้เกิดการคาดการณ์ว่า อิหร่านอาจจะปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางคมนาคมที่เรือขนส่งน้ำมันขนาดใหญ่จะบรรทุกน้ำมันดิบจากอ่าวเปอร์เซียเพื่อนำไปส่งยังทั่วทุกมุมโลก
อีกปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำมันคือ เหตุลอบวางระเบิดในกรุงแบกแดดที่มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 60 คน ซึ่งเป็นเหตุการณ์โจมตีกรุงแบกแดดครั้งแรกนับตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลซึ่งนับถือนิกายชีอะห์ และกลุ่มมุสลิมนิกายสุหนี่ ได้คลี่คลายลงหลังจากสหรัฐถอนกำลังทหารออกจากอิรัก ซึ่งความรุนแรงที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อการลำเลียงน้ำมันภายในประเทศ
ด้านปัจจัยทางเศรษฐกิจนั้น ยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐที่เพิ่มขึ้น 1.6% และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่ทะยาน 3.8% ในเดือนพฤศจิกายน ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังฟื้นตัว ซึ่งอาจทำให้สหรัฐต้องการน้ำมันมากกว่าเดิม
อย่างไรก็ดี ปริมาณการซื้อขายน้ำมันลดต่ำลงเรื่อยๆตลอดสัปดาห์นี้ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาก่อนถึงวันหยุดเทศกาลคริสต์มาส ส่งผลให้ตลาดมีความผันผวนมากกว่าปกติ