สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ (3 ม.ค.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐและจีนทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นจะช่วยหนุนความต้องการพลังงานให้เพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ยังได้ปัจจัยบวกจากสถานการณ์ตึงเครียดในอิหร่าน
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 4.13 ดอลลาร์ หรือ 4.2% ปิดที่ 102.96 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค. 2554
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 4.75 ดอลลาร์ หรือ 4.42% ปิดที่ 112.13 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย. 2554
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ทะยานขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล ขานรับข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของจีนและสหรัฐ โดยสำนักงานจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐขยายตัวสู่รุดับ 53.9 จุดในเดือนธ.ค. จากระดับ 52.7 จุดของเดือนพ.ย. ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 53.2 จุด
ขณะที่สหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนธ.ค.ของจีน ดีดตัวขึ้น 1.3 จุด มาอยู่ที่ระดับ 50.3 จากระดับ 49 ในเดือนพ.ย. ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากรายงานของสำนักข่าวไออาร์เอ็นเอของทางการอิหร่านที่ระบุว่า พลเอก อาตุลเลาะห์ ซาเลฮี ผู้บัญชาการกองทัพบกของอิหร่านกล่าวว่า อิหร่านจะดำเนินมาตรการขั้นเด็ดขาดถ้าหากเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐกลับเข้ามาในอ่าวอาหรับ
นักวิเคราะห์กล่าวว่า สถานการณ์ตึงเครียดในอิหร่านอาจทวีความรุนแรงมากขึ้น และอาจจะส่งผลกระทบต่อการลำเลียงน้ำมันในอ่านอาหรับ ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นด้วย
ตลอดปี 2554 ที่ผ่านมา สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับตัวขึ้นกว่า 8% เพราะได้แรงหนุนจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง รวมถึงซีเรีย อียิปต์ และอิหร่าน โดยอิหร่านขู่ว่าจะปิดช่องแคบฮอร์มุซ ถ้าหากอุตสาหกรรมการส่งออกน้ำมันของอิหร่านถูกคว่ำบาตรโดยชาติตะวันตก ซึ่งคำขู่ดังกล่าวมีขึ้นหลังจากอิหร่านประกาศซ้อมรบในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของช่องแคบฮอร์มุซเป็นเวลา 10 วัน
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 30 ธ.ค. ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพฤหัสบดีนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบอาจจะลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นอาจจะพิ่มขึ้น 700,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินอาจจะเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้คาดว่า อัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจจะเพิ่มขึ้น 0.4%