สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (9 ม.ค.) หลังจากเยอรมนีเปิดเผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่หดตัวลงในเดือนพ.ย. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่า วิกฤตหนี้ยุโรปอาจกำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจยูโรโซนและจะส่งผลให้ความต้องการพลังงานซบเซาลงด้วย
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 25 เซนต์ หรือ 0.25% ปิดที่ 101.31 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 102.15 - 100.11 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 61 เซนต์ หรือ 0.54% ปิดที่ 112.45 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 111.80 - 113.88 ดอลลาร์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับตัวลงหลังจากกระทรวงเศรษฐกิจเยอรมนีเปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวลง 0.6% ในเดือนพ.ย. มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลง 0.5% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า สภาวะด้านการผลิตโดยรวมของเยอรมนีมีแนวโน้มที่จะหดตัวลงอย่างต่อเนื่องในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ นอกจากนี้ ยังบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจเยอรมนีอาจจะเผชิญกับภาวะชะงักงัน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากวิกฤตหนี้ยูโรโซนและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบยังคงเคลื่อนไหวอยู่เหนือแนวต้านเส้นสำคัญที่ระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่า สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตกจะส่งผลให้การลำเลียงน้ำมันดิบในตะวันออกลางต้องสะดุดลง ซึ่งจะหนุนราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นอีก
หนังสือพิมพ์โคราซานของอิหร่านรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของพลเอก อาลี-อัลชาราฟ นูรี ผู้บัญชีการกองกำลังป้องกันการปฏิวัติอิสลาม (IRGC) ว่า อิหร่านได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าจะปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือบรรทุกน้ำมันที่สำคัญของโลก หากอุตสาหกรรมส่งออกน้ำมันของอิหร่านถูกคว่ำบาตรจากนานาประเทศ
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 6 ม.ค. ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น 0.3%