สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.เมื่อคืนนี้ (11 ม.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเกินคาดในรอบสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจในยุโรป
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 1.37 ดอลลาร์ หรือ 1.34% ปิดที่ 100.87 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 102.46 - 100.55 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 1.04 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 112.24 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 112.11-113.76 ดอลลาร์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ร่วงลงทันทีที่ IEA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6 ม.ค. พุ่งขึ้น 4.96 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 334.65 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 200,000 บาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นพุ่งขึ้น 3.99 ล้านบาร์เรล แตะที่ 147.56 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.8 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 3.61 ล้านบาร์เรล แตะที่ 223.8 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.2 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 0.6% แตะที่ 85.6% มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.3%
การพุ่งขึ้นของสต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันประเภทอื่นๆ เป็นผลมาจากการที่สหรัฐนำเข้าน้ำมันจำนวนมาก และยังสะท้อนให้เห็นถึงภาวะชะลอตัวของอุปสงค์พลังงานภายในประเทศ นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ยังได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร
สัญญาน้ำมัน NYMEX ได้รับปัจจัยลบมากขึ้นเมื่อสำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีรายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของเยอรมนีซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่สุดในยุโรป หดตัวลงราว 0.25% ในไตรมาส 4 ปีที่แล้ว ซึ่งทำให้ตลาดกังวลว่าเศรษฐกิจเยอรมนีอาจจะเผชิญกับภาวะถดถอย แม้จีดีพีตลอดปี 2554 ขยายตัว 3% ก็ตาม