สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (18 ม.ค.) หลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้ปรับคาดการณ์ความต้องการน้ำมันทั่วโลกในปี 2555 ซึ่งข่าวดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐขยายตัวแข็งแกร่งสุดในรอบ 1 ปี และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เตรียมเพิ่มทุนทรัพย์เพื่อให้ความช่วยเหลือประเทศต่างๆ
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ปรับตัวลง 12 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 100.59 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 102.06 - 99.84 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 87 เซนต์ ปิดที่ 110.66 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบอ่อนแรงลงหลังจาก IEA ปรับคาดการณ์ความต้องการน้ำมันทั่วโลกในปี 2555 ลง 220,000 บาร์เรล/วัน แตะระดับ 1.1 ล้านบาร์เรล/วัน หลังจากอัตราการใช้น้ำมันปรับตัวลดลงในไตรมาส 4 ปี 2554 ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 3 ปี
ในช่วงแรกนั้น รายงานของ IEA ทำให้ตลาดวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์พลังงาน และยังได้ฉุดสัญญาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างมาก อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบสามารถไต่ขึ้นจากระดับต่ำสุดของวันได้ เนื่องจากตลาดได้รับแรงหนุนหลังจากไอเอ็มเอฟยืนยันว่าจะเพิ่มทุนทรัพย์อีก 5-6 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการปล่อยเงินกู้ให้กับประเทศต่างๆ โดยมีเป้าหมายที่จะป้องกันเศรษฐกิจทั่วโลกไม่ให้ได้รับผลกระทบจากวิกฤตหนี้ยุโรปที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค.ขยายตัว 0.4% ซึ่งทำสถิติขยายตัวแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 1 ปี และสะท้อนให้เห็นว่าภาคการผลิตมีส่วนสำคัญในการหนุนเศรษฐกิจสหรัฐให้ขยายตัวแข็งแกร่งขึ้นในช่วงปลายปี
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 13 ม.ค.ของสหรัฐ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพฤหัสบดีนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 2.8 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะร่วงลง 1.3%