สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (19 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์พลังงานในสหรัฐ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า ปริมาณการใช้น้ำมันในสหรัฐปรับตัวลดลงอย่างมาก ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้ฉุดสัญญาน้ำมันดิบอ่อนตัวลง แม้ EIA ระบุว่าสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวลดลงเกินคาดก็ตาม
สัญญาน้ำมันดิบที่ตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ขยับลง 20 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 100.39 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 99.98 - 102.06 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบอ่อนแรงลงหลังจาก EIA รายงานว่า ปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินในสหรัฐ ร่วงลง 7.2% สู่ระดับต่ำกว่า 8 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 13 ม.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2540 ขณะที่ผลผลิตน้ำมันเบนซินมีมากกว่าปริมาณความต้องการอยู่ถึง 9.5% ในรอบสัปดาห์ดังกล่าว
EIA ระบุว่า ปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินที่ลดลงส่งผลให้สต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 3.7 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 227.5 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้บรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำมัน NYMEX ซบเซาลง
อย่างไรก็ตาม EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบร่วงลง 3.4 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 331.2 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.8 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 438,000 บาร์เรล สู่ระดับ 148 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะพุ่งขึ้น 2 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันดิบร่วงลง 1.9% แตะที่ 83.7%
ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐช่วยสกัดแรงลบในตลาดในระหว่างวัน โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 50,000 ราย แตะที่ 352,000 ราย ในสัปดาห์ที่แล้วซึ่งสิ้นสุดวันที่ 14 มกราคม ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2551 ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะอยู่ที่ 385,000 ราย
นักลงทุนยังคงติดตามดูสถานการณ์ในอิหร่านอย่างใกล้ชิด หลังจากนายลีออง พาเนตตา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสหรัฐกล่าวว่า กองกำลังทหารของสหรัฐยังคงเดินหน้าประจำการอยู่ที่อ่าวเปอร์เซีย ถึงแม้ว่าจะได้รับคำขู่จากอิหร่านก็ตาม ขณะที่นายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า ของจีน ไม่เห็นด้วยกับคำขู่ของอิหร่านเรื่องการปิดช่องแคบฮอร์มุซ โดยระบุว่า ช่องแคบฮอร์มุซควรเป็นพื้นที่เปิดไม่ว่าจะอยู่ภายใต้สถานการณ์ใดๆ ก็ตาม