สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กลดลงเป็นวันที่สามติดต่อกันมาปิดที่ระดับต่ำกว่า 100 ดอลลาร์ เมื่อคืนนี้ (20 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์พลังงาน รวมถึงสถานการณ์ไม่แน่นอนในยุโรป ในขณะที่การเจรจาเรื่องหนี้สินระหว่างรัฐบาลกรีซกับเจ้าหนี้ภาคเอกชนยังดำเนินต่อไป
สัญญาน้ำมันดิบที่ตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 1.93 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 98.46 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 1.8 ดอลลาร์ ปิดที่ 109.75 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินในสหรัฐ ร่วงลง 7.2% สู่ระดับต่ำกว่า 8 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 13 ม.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2540 ขณะที่ผลผลิตน้ำมันเบนซินมีมากกว่าปริมาณความต้องการอยู่ถึง 9.5% ในรอบสัปดาห์ดังกล่าว ขณะข้อมูลจากการปิโตรเลียมสหรัฐ (API) แสดงให้เห็นว่า ความต้องการน้ำมันเบนซินในสหรัฐร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบสิบปี เนื่องจากสภาพอากาศที่อบอุ่นขึ้นในฤดูหนาวและเศรษฐกิจที่ซบเซา
นอกจากนี้ กิจกรรมการผลิตในประเทศจีนที่ส่งสัญญาณอ่อนแอลง ก็ยิ่งเพิ่มความวิตกเรื่องอุปสงค์น้ำมัน โดยวานนี้ เอสเอสบีซีเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นสำหรับภาคการผลิตของจีน ซึ่งเป็นมาตรวัดกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศ ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 48.8 ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบกับตัวเลขขั้นสุดท้ายที่ 48.7 ในเดือนธ.ค.
อย่างไรก็ดี ดัชนีที่ระดับต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางอุตสาหกรรมหดตัวลง ซึ่งนับเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันแล้วที่ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนอยู่ในระดับหดตัว
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการเจรจาระหว่างกรีซกับเจ้าหนี้ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 3 โดยตลาดคาดการณ์ว่าน่าจะมีการบรรลุข้อตกลงปรับลดมูลค่าพันธบัตรรัฐบาลกรีซที่เอกชนถือครองโดยสมัครใจ