สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (24 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป หลังจากรมว.คลังยูโรโซนได้ปฏิเสธข้อเสนอของเจ้าหนี้เอกชนในเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซ
สัญญาน้ำมันดิบที่ตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดลบ 63 เซนต์ หรือ 0.6% แตะที่ 98.95 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงเป็นเวลา 4 วันในการซื้อขาย 5 วันทำการที่ผ่านมา เนื่อจากนักลงทุนมีความวิตกกังวลและระมัดระวังการซื้อขาย หลังจากมีรายงานว่าการเจรจาเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซยังไม่มีความคืบหน้า
รัฐมนตรีคลังกลุ่มประเทศยูโรโซนปฏิเสธข้อเสนอของเจ้าหนี้ภาคเอกชน ที่ต้องการอัตราผลตอบแทน 4% สำหรับพันธบัตรระยะยาวที่มีการออกใหม่ เพื่อแลกเปลี่ยนกับพันธบัตรชุดปัจจุบันของกรีซ ซึ่งเป็นหนึ่งในการปรับโครงสร้างหนี้
นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ฉุดสัญญาน้ำมันดิบร่วงลง เพราะเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าจะทำให้สัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์มีราคาสูงขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ
ตลาดได้รับปัจจัยลบมากขึ้นเมื่อกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ฟได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ลงสู่ระดับ 3.3% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 4% พร้อมกับคาดว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะหดตัว 0.5% ในปีนี้ ตรงข้ามกับที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัว 1.1%
ไอเอ็มเอฟเตือนว่า วิกฤตหนี้สาธารณะของยูโรโซนกำลังส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก และคาดว่าเศรษฐกิจยุโรปเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งจะฉุดเศรษฐกิจโลกให้ชะลอตัวลงในปีนี้ด้วย พร้อมกับเรียกร้องให้บรรดาผู้นำทั่วโลกดำเนินนโยบายกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ มากกว่าปรับลดงบประมาณ
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 20 ม.ค. ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันนี้เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 0.8 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 0.1 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 2.0 ล้านบาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะลดลง 0.6%