การปรับตัวขึ้นของยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนสะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมในสหรัฐ และยังทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าจะช่วยหนุนความต้องการพลังงานให้แข็งแกร่งขึ้นด้วย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ได้รับปัจจัยหนุนมากขึ้นเมื่อกระทรวงพลังงานของสหรัฐเปิดเผยว่า ปริมาณการใช้เชื้อเพลิงพุ่งขึ้น 7.5% แตะ 19.2 ล้านบาร์เรลต่อวันในรอบสัปดาห์ที่สุดสุด ณ วันที่ 20 มกราคม ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้ปัจจัยบวกจากสถานการณ์ตึงเครียดในอิหร่าน นับตั้งแต่สหภาพยุโรป (อียู) ประกาศคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้เป็นต้นไป ซึ่งนักลงทุนมองว่าการตัดสินใจดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน
นายมาห์หมุด อาห์มาดิเนจ้าด ประธานาธิบดีอิหร่าน กล่าวว่า อิหร่านไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการขายน้ำมันให้แก่อียู และยืนยันว่าการคว่ำบาตรไม่สามารถหยุดยั้งการเดินหน้าเรื่องโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านได้ ขณะที่นายนาสซาร์ ซูดานี เจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติของอิหร่านกล่าวว่า รัฐบาลอิหร่านกำลังพิจารณาแผนการลดการส่งออกน้ำมันไปยังประเทศสมาชิกอียู
นักลงทุนกำลังจับตาดูตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงขั้นต้นประจำไตรมาส 4/2554 ของสหรัฐ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยในวันนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจีดีพีจะขยายตัว 3.0% เพิ่มขึ้นจากระดับ 1.8% ในไตรมาส 3/2554