สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 ก.พ.) เพราะได้แรงหนุนจากรายงานของสำนักงานสารนิเทศด้านพลังงานของรัฐบาลกลางสหรัฐ (EIA) ที่ระบุว่า ความต้องการน้ำมันในปี 2555 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 50,000 บาร์เรล/วัน และจากข่าวที่ว่าอิหร่านอาจจะระงับการส่งออกน้ำมันให้กับประเทศที่ประกาศคว่ำบาตรอิหร่าน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 1.50 ดอลลาร์ หรือ 1. 55% ปิดที่ 98.41 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 98.99 - 95.84 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 30 เซนต์ ปิดที่ 116.23 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 115.60 - 117.50 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นทันทีที่ EIA ออกรายงานคาดการณ์ว่า ความต้องการน้ำมันในปี 2555 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 50,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า อุปสงค์พลังงานจะฟื้นตัวขึ้นแม้เศรษฐกิจส่งสัญญาณการชะลอตัวก็ตาม
สัญญาน้ำมันดิบได้แรงหนุนมากขึ้นเมื่อนายอาลี ลารีจานี โฆษกรัฐสภาอิหร่านกล่าวว่า รัฐสภาอิหร่านเตรียมลงนามรับรองร่างกฎหมายยุติการส่งออกน้ำมันไปยังบางประเทศในสหภาพยุโรป (อียู) เพื่อเป็นการตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก พร้อมกับกล่าวว่า อิหร่านจำเป็นที่จะต้องตอบโต้ “ทัศนคติที่ไร้เหตุผล" ของประเทศต่างๆในยุโรป
ประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐ ได้ลงนามรับรองคำสั่งของฝ่ายบริหาร เพื่ออายัดทรัพย์สินของอิหร่านทั้งหมดที่อยู่ในสหรัฐ ซึ่งนับเป็นการดำเนินมาตรการอีกขั้นเพื่อเพิ่มแรงกดดันให้อิหร่านยกเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์ โดยคำสั่งดังกล่าวกำหนดว่าทรัพย์สินและผลกำไรทั้งหมดของอิหร่านซึ่งอยู่ในดินแดนของสหรัฐ เช่นทรัพย์สินของธนาคารกลางอิหร่านนั้น จะต้องถูกอายัด และไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากมีการคาดการณ์ว่าการเจรจาในเงื่อนไขต่างๆที่จะนำไปสู่การทำข้อตกลงให้ความช่วยเหลือกรีซรอบใหม่นั้น จะผ่านไปอย่างราบรื่น และจะช่วยให้กรีซรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 3 ก.พ. ซึ่ง EIA จะรายงานในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 600,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินอาจเพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรล