สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 ก.พ.) เพราะได้แรงหนุนจากความคาดหวังที่ว่าการเจรจาระหว่างผู้นำพรรคการเมืองของกรีซจะดำเนินไปอย่างราบรื่น นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตก อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย เพราะได้รับแรงกดดันในระหว่างวันหลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นในรอบสัปดาห์ที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดบวก 30 เซนต์ หรือ 0.30% แตะที่ 98.71 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 100.09 - 98.10 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 97 เซนต์ หรือ 0.83% ปิดที่ 117.20 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกว่า ผู้นำพรรคการเมืองของกรีซจะสามารรถบรรลุข้อตกลงกันได้เกี่ยวกับการปรับลดการใช้จ่ายและมาตรการรัดเข็มขัด ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) กำหนดว่ากรีซจะต้องดำเนินการให้ได้ก่อนที่จะได้รับความช่วยเหลือทางการเงินรอบที่ 2
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตก หลังจากสหรัฐประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อทุกหน่วยงานของรัฐบาลอิหร่าน รวมถึงการสั่งอายัดทรัพย์สินของธนาคารกลางอิหร่าน นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำกรุงมอสโคว์กล่าวว่า อิหร่านมีความสามารถที่จะใช้กำลังทางทหารโจมตีผลประโยชน์ของสหรัฐทั่วโลก ถ้าหากสหรัฐโจมตีอิหร่าน
อย่างไรก็ตาม ช่วงบวกของสัญญาน้ำมันดิบ WTI ถูกสกัดลงหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 3 ก.พ.เพิ่มขึ้น 304,000 บาร์เรล สู่ระดับ 339.25 ล้านบาร์เรล แม้ยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะพุ่งขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 1.17 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 146.58 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 600,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 1.63 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 231.78 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพี่ยง 200,000 บาร์เรล