สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 ก.พ.) เพราะได้รับปัจจัยลบจากข่าวมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิสประกาศเตือนว่าจะลดอันดับความน่าเชื่อถือของอังกฤษและฝรั่งเศส นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังอ่อนแรงลงหลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นน้อยเกินคาด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมี.ค.ปรับตัวลง 17 เซนต์ หรือ 0.17% ปิดที่ 100.74 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 101.84 - 100.28 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมี.ค.ขยับขึ้น 23 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 118.16 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงหลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิสประกาศลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของอังกฤษ ฝรั่งเศส และออสเตรีย ลงสู่ระดับ "เชิงลบ" จากเดิม "มีเสถียรภาพ" ซึ่งหมายความว่าอันดับความน่าเชื่อถือ AAA ของ 3 ประเทศนี้อาจจะถูกปรับลดลงในอนาคตข้างหน้า
นอกจากนี้ มูดีส์ยังได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลีลงมาอยู่ที่ A3 จาก A2 ขณะที่อันดับความน่าเชื่อถือของสเปนถูกปรับลดลงมาอยู่ที่ A3 จาก A1 และโปรตุเกสถูกปรับลดลงมาอยู่ที่ Ba3 จาก Ba2 พร้อมกับปรับลดอันดับเครดิตของมอลต้า สโลเวเนีย และสโลวาเกีย ลงมา 1 ขั้น โดยมูดีส์ระบุว่า ประเทศเหล่านี้กำลังเผชิญกับความเสี่ยงทางการเงินและเศรษฐกิจมหภาคในระดับที่สูงขึ้น
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ได้รับปัจจัยลบหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือนม.ค.ขยับขี้นเพียง 0.4% ซึ่งเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ เนื่องจากผู้บริโภคจับจ่ายใช้สอยน้อยลง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจที่ซบเซาจะทำให้ความต้องการพลังงานชะลอตัวลงด้วย
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด เนื่องจากภาวะการซื้อขายโดยรวมยังคงได้รับแรงหนุนจากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิหร่านและอิสราเอล และสถานการณ์ความไม่สงบในซีเรีย
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า การซ่อมแซมโรงงานทางภาคเหนือของรัฐแอลเบอร์ทาของแคนาดาอาจจะต้องใช้เวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งการซ่อมแซมครั้งนี้ทำให้ทางบริษัทปรับลดเป้าหมายการผลิตลงมาอยู่ที่ระดับ 93,000-103,000 บาร์เรลต่อวันในปี 2555 จากเป้าหมายเดิมที่ 105,000-115,000 บาร์เรลต่อวัน
นักลงทุนจับตาดูสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 10 ก.พ. ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะลดลง 0.1%