ราคาน้ำมันดิบ WTI ของสหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (17 ก.พ.) จากความหวังเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์และความวิตกอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับอุปทาน โดยราคาเดินหน้าขึ้นรายสัปดาห์ครั้งที่ 2 ติดต่อกัน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมี.ค.ปรับตัวขึ้น 93 เซนต์ หรือ 0.91% ปิดที่ 103.24 ดอลลาร์/บาร์เรล สำหรับสัปดาห์นี้ ราคาพุ่งขึ้น 4.57 ดอลลาร์ หรือ 4.63%
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนเม.ย.ลบ 53 เซนต์ หรือ 0.44% ปิดที่ 119.58 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนม.ค.ปรับขึ้น 0.4% โดยระบุว่า นโยบายการเงินเชิงกระตุ้น, แรงผลักดันในภาคการผลิต และตลาดหุ้นที่คึกคัก เป็นความแข็งแกร่งหลัก 3 ประการสำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจ
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐได้แรงหนุนเป็นส่วนใหญ่ และแตะระดับสูงสุดรอบ 9 เดือน ในขณะที่สัญญาณในแง่บวกมากขึ้นเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐกระตุ้นความหวังเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์น้ำมันซึ่งอยู่ในระดับต่ำในหลายเดือนที่ผ่านมา
ในขณะเดียวกัน ธนาคารกลางต่างๆในยูโรโซนได้ตกลงที่จะแลกเปลี่ยนพันธบัตรกรีซที่ถือครองอยู่กับพันธบัตรใหม่ที่กรีซออก อันเป็นส่วนหนึ่งของแผนช่วยเหลือ โดยนักลงทุนคาดว่าอาจจะมีการบรรลุข้อตกลงใหม่เกี่ยวกับหนี้กรีซในสัปดาห์หน้า ซึ่งหนุนความเชื่อมั่นของตลาด
ความตึงเครียดระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตกมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น หลังจากที่ประธานาธิบดีมาห์มุด อาห์มาดิเนจาดของอิหร่านกล่าวว่า ไม่ควรปล่อยให้ต่างชาติเข้ามาแทรกแซงในตะวันออกกลาง โดยยังคงมีความเสี่ยงเกี่ยวกับการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน