สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (23 ก.พ.) หลังจากสำนักงานพลังงานปรมาณูสากล (IAEA) รายงานว่า อิหร่านกำลังเพิ่มขีดความสามารถในการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียม นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 1.94 ดอลลาร์ หรือ 1.80% ปิดที่ 109.77 ดอลลาร์/บาร์เรล และตลอดทั้งสัปดาห์นั้น สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 6.53 ดอลลาร์ หรือ 6.33%
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 1.85 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 125.47 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย. 2554
คณะผู้ตรวจสอบของ IAEA รายงานว่า อิหร่านกำลังเพิ่มขีดความสามารถในการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียม และระบุว่าอิหร่านไม่อนุญาตให้ IAEA เข้าถึงพื้นที่ที่ IAEA ต้องการจะตรวจสอบในสัปดาห์นี้ ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้ตลาดกังวลเรื่องการเผชิญหน้ากันระหว่างอิหร่านกับชาติตะวันตก
นักลงทุนกังวลว่าสถานการณ์ดังกล่าวอาจทำให้ปริมาณการส่งออกน้ำมันจากอิหร่านลดลง แม้กระทรวงน้ำมันพลังงานของอิหร่านยืนยันว่า การส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านไม่ได้รับผลกระทบจากการที่อิหร่านประกาศยุติการส่งน้ำมันไปยังอังกฤษและฝรั่งเศสก็ตาม โดยสื่อท้องถิ่นอิหร่านรายงานโดยอ้างคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในบริษัทน้ำมันของรัฐบาลอิหร่านว่า อิหร่านมีการส่งออกน้ำมันกว่า 2 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับเดียวกันกับช่วงก่อนที่จะประกาศยกเลิการส่งอออกน้ำมันไปยัง 2 ประเทศในยุโรปดังกล่าว
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ยังได้แรงหนุนหลังจากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนก.พ.ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ 75.3 จากระดับ 75.0 ในเดือนม.ค. เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มมีความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ