สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ก.พ.) เพราะได้แรงหนุนจากผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐที่ขยายตัวได้ดีเกินคาดในไตรมาส 4/2554 ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าอุปสงค์พลังงานในสหรัฐจะแข็งแกร่งขึ้นด้วย
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ดีดตัวขึ้น 52 เซนต์ หรือ 0.49% ปิดที่ 107.07 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 107.43 - 104.85 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 1.11 ดอลลาร์ หรือ 0.91 % สู่ 122.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 120.50-123.20 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบดีดขึ้นทันทีที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ปรับเพิ่มการประมาณการจีดีพีที่แท้จริงประจำไตรมาส 4/2554 ขึ้นเป็น 3.0% เมื่อเทียบรายปี เพิ่มขึ้นจากตัวเลขประมาณการครั้งก่อนที่ 2.8% ขณะที่ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคขยายตัว 2.1% ในช่วงเวลาดังกล่าว
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศอัดฉีดเงินกู้วงเงิน 529,530.81 ล้านยูโร (7.133 แสนล้านดอลลาร์) ให้กับภาคธนาคารของยูโรโซน ผ่านมาตรการรีไฟแนนซ์ระยะยาว (LTRO) ระยะเวลา 3 ปีเมื่อวานนี้ ซึ่งยอดการปล่อยกู้ในครั้งนี้มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 470,000 ล้านยูโร ซึ่งการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบการธนาคารของอีซีบีครั้งล่าสุดนี้ แม้ว่ามีเป้าหมายที่จะกระตุ้นสภาพคล่องให้ไหลเวียนดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากตลาดได้รับแรงกดดันจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 24 ก.พ. พุ่งขึ้น 4.16 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 344.87 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.4 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมั่นกลั่นร่วงลง 2.07 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 141.44 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล แตะที่ 229.93 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง 1.9% แตะที่ 83.6%