สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 มี.ค.) ขานรับรายงานที่ว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐปรับตัวลงเกือบถึงระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี และตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่แข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดหวังว่า การฟื้นตัวของตลาดแรงงานและการใช้จ่ายผู้บริโภคจะช่วยหนุนอุปสงค์พลังงานให้แข็งแกร่งขึ้นด้วย
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 1.77 ดอลลาร์ หรือ 1.65% ปิดที่ 108.84 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 110.55 - 106.55 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 3.54 ดอลลาร์ หรือ 2.89% ปิดที่ 126.20 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากทะยานขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในระหว่างวันที่ 128.40 ดอลลาร์
ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมัน NYMEX เป็นไปอย่างคึกคักหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 25 ก.พ. ลดลง 2,000 ราย มาอยู่ที่ 351,000 ราย ใกล้เคียงระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2551 นับเป็นหลักฐานล่าสุดที่แสดงให้เห็นว่าตลาดแรงงานสหรัฐกำลังฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การบริโภคส่วนบุคคลขยับขึ้น 0.2% ในเดือนม.ค. หลังทรงตัวในเดือนธ.ค. โดยการใช้จ่ายผู้บริโภคนับว่ามีความสำคัญ เพราะมีสัดส่วนถึง 70% ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในสหรัฐ
สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของสถานีโทรทัศน์เพรสทีวีของทางการอิหร่านว่า เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่ท่อส่งน้ำมันในเมืองอาวามิยะห์ ซึ่งเป็นเมืองที่อุดมไปด้วยแหล่งสำรองน้ำมันของซาอุดิอาระเบีย ข่าวดังกล่าวทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าภาวะไร้เสถียรภาพในตะวันออกกลางอาจจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันดิบทั่วโลก
ทั้งนี้ แม้ว่าเจ้าหน้าที่ซาอุดิอาระเบียได้ออกมาปฏิเสธเรื่องการระเบิดในเวลาต่อมา แต่ข่าวดังกล่าวได้หนุนราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นไปแล้ว โดยในระหว่างวันนั้น สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นเหนือระดับ 110 ดอลลาร์/บาร์เรล และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ทะยานขึ้นไปอยู่เหนือระดับ 127 ดอลลาร์/บาร์เรล