สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 มี.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าความขัดแย้งเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านอาจจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากภาวะการซื้อขายได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน หลังจากจีนปรับลดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ขยับขึ้น 2 เซนต์ ปิดที่ 106.72 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 107.42 - 105.50 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนเม.ย.ปรับตัวขึ้น 15 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 123.80 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 122.66 - 124.66 ดอลลาร์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นแข็งแกร่งในช่วงแรก เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่า ความขัดแย้งเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านอาจจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันและจะช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นด้วย โดยล่าสุดมีรายงานว่านายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ได้จัดประชุมร่วมกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย เพื่อหารือกันเกี่ยวกับการตอบโต้โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโอบามาพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะใช้วิธีการทางการทูตและการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจเป็นแนวทางในการตอบโต้โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ก่อนที่ทางอิสราเอลจะใช้กำลังทางทหารเพื่อจัดการในเรื่องนี้ ด้านนายเนทันยาฮูประกาศว่า "อิสราเอลมีสิทธิที่จะป้องกันตนเองจากการคุกคามทุกรูปแบบ"
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI อ่อนแรงลงจากระดับสูงสุดในระหว่างวัน ก่อนที่จะปิดตลาดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนอาจจะส่งผลกระทบต่ออุปทานพลังงาน หลังจากรัฐบาลจีนได้ปรับลดเป้าหมายการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ปี 2555 ลงมาอยู่ที่ระดับ 7.5% จากเป้าหมายเดิมที่วางไว้ที่ 8%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ยอดสั่งซื้อของโรงงานภายในประเทศหดตัวลง 1% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นสถิติที่หดตัวลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2552 และสะท้อนถึงภาวะชะลอตัวของภาคการผลิตสหรัฐ
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ของสหรัฐ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในคืนวันพุธตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะลดลง 0.3%