ภาวะตลาดน้ำมันน้ำมัน WTI ปิดลบ 32 เซนต์จากข่าวสหรัฐปล่อยน้ำมันสำรอง

ข่าวต่างประเทศ Friday March 16, 2012 06:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (15 มี.ค.) ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ผันผวนตลอดทั้งวัน หลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลอังกฤษและสหรัฐเตรียมระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองฉุกเฉินเพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาพลังงาน อย่างไรก็ตาม การที่สหรัฐออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวในเวลาต่อมา ได้ช่วยพยุงสัญญาน้ำมันดิบให้สามารถดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดของวันได้ สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ขยับลง 32 เซนต์ หรือ 0.30% ปิดที่ 105.11 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 105.11 - 105.10 ดอลลาร์

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 123.55 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.42 ดอลลาร์ หรือ 1.14%

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI แกว่งตัวผันผวนตลอดทั้งวัน หลังจากมีรายงานข่าวว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ และนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนแห่งอังกฤษ ได้ตกลงที่จะระบายน้ำมันน้ำมันออกจากคลังยุทธภัณฑ์สำรอง (Strategic Petroleum Reserve - SPR) ซึ่งปัจจุบันสหรัฐมีน้ำมันในคลัง SPR อยู่ประมาณ 697 ล้านบาร์เรล เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาพลังงาน

ข่าวดังกล่าวส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงไปกว่า 1 ดอลลาร์ในระหว่างวัน อย่างไรก็ตาม การที่สหรัฐออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวในเวลาต่อมา ได้ช่วยพยุงสัญญาน้ำมันดิบให้สามารถดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดของวันได้

ทั้งนี้ โดยปกติแล้วรัฐบาลสหรัฐจะระบายน้ำมันออกจากคลังดังกล่าวก็ต่อเมื่อเกิดภาวะอุปทานตึงตัวที่เป็นผลมาจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ การโจมตีของผู้ก่อการร้าย และสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมือง

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ได้แรงหนุนในระหว่างวันจากข่าวที่ว่า สมาคมการสื่อสารด้านการเงินระหว่างธนาคารทั่วโลกประกาศว่าจะลดการทำธุรกรรมด้านการเงินกับธนาคารของอิหร่าน ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะทำให้อุตสาหกรรมการส่งออกน้ำมันของอิหร่านประสบกับความยุ่งยากในการชำระเงิน และอาจจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันจากอิหร่านด้วย

นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้ปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 10 มี.ค. ลดลง 14,000 ราย มาอยู่ที่ 351,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2551 และดัชนีการผลิตในรัฐนิวยอร์กขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 20.2 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2553


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ