สัญญาน้ำมันดิบที่ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (20 มี.ค.) หลังจากซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่สุดในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ยืนยันว่าจะเพิ่มปริมาณการผลิตเพื่อชดเชยภาวะอุปทานตึงตัวและเพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากการคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐจะปรับตัวสูงขึ้น
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาด NYMEX ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 2.48 ดอลลาร์ หรือ 2.29% ปิดที่ 105.61 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 105.85 - 105.45 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนพ.ค.ร่วงลง 1.59 ดอลลาร์ ปิดที่ 124.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากนายอาลี อัล-ไนมี รมว.พลังงานซาอุดิอาระเบียเปิดเผยว่า ซาอุดิอาระเบียสามารถผลิตน้ำมันดิบได้ 9.9 ล้านบาร์เรล/วันในปัจจุบัน พร้อมกับที่จะเพิ่มปริมาณการผลิตขึ้นสู่เพดานสูงสุดที่ 12.5 ล้านบาร์เรล/วันหากจำเป็น
รัฐบาลซาอุดิอาระเบียเปิดเผยว่า ทางรัฐบาลจะเพิ่มปริมาณการส่งออกน้ำมันเพื่อชดเชยภาวะอุปทาตึงตัวและเพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน โดยในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ปริมาณการส่งออกน้ำมันของซาอุดิอาระเบียพุ่งขึ้น 143,000 บาร์เรล/วันเมื่อเทียบเป็นรายเดือน
ขณะที่บรรษัทพลังงานแห่งชาติของลิเบียรายงานว่า ลิเบียซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกโอเปคนั้น จะเพิ่มปริมาณการผลิตให้ขึ้นมาเท่ากับก่อนเกินสงครามกลางเมือง โดยตั้งเป้าว่าจะเพิ่มการผลิตเป็น 1.4 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนเม.ย.นี้
ทั้งนี้ การที่ซาอุดิอาระเบียให้คำมั่นสัญญาว่าจะเพิ่มปริมาณการผลิต และข่าวลิเบียเริ่มกลับมาผลิตน้ำมันได้ตามปกตินั้น ทำให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานตึงตัวอันเนื่องมาจากข้อพิพาทนิวเคลียร์ของอิหร่าน หลังจากที่ความตึงเครียดในเรื่องอิหร่านได้ผลักดันราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นไปเกือบ 20% ก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐก็เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลให้ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กซบเซาลงด้วย โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านลดลง 1.1% ในเดือนก.พ. มาอยู่ที่ 698,000 ยูนิต ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะอยู่ที่ 700,000 ยูนิตในเดือนก.พ.
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 16 มี.ค.ของสหรัฐซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน (EIA) จะเปิดเผยในคืนนี้ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะพุ่งขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะร่วงลง 2.1 ล้านบาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะลดลง 0.5%