สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) เดือนพ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิก บวกขึ้นสูงสุด 79 เซนต์ แตะที่ 106.86 ดอลลาร์/บาร์เรล ณ เวลา 10.57 น.ตามเวลาลอนดอน หลังมีรายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลง
การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้วของสหรัฐ ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 16 มี.ค. ร่วงลง 1.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งร่วงหนักสุดในรอบ 6 สัปดาห์ ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 596,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล
ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน (EIA) จะเปิดเผยในคืนนี้ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะพุ่งขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะร่วงลง 2.1 ล้านบาร์เรล และคาดว่า อัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะลดลง 0.5%
เมื่อคืนนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ที่ตลาด NYMEX ส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 2.48 ดอลลาร์ หรือ 2.29% ปิดที่ 105.61 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่สุดในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ยืนยันว่าจะเพิ่มปริมาณการผลิตเพื่อชดเชยภาวะอุปทานตึงตัวและเพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน
โดยนายอาลี อัล-ไนมี รมว.พลังงานซาอุดิอาระเบีย เปิดเผยว่า ซาอุดิอาระเบียสามารถผลิตน้ำมันดิบได้ 9.9 ล้านบาร์เรล/วันในปัจจุบัน และพร้อมที่จะเพิ่มปริมาณการผลิตขึ้นสู่เพดานสูงสุดที่ 12.5 ล้านบาร์เรล/วัน หากจำเป็น