สัญญาน้ำมันดิบที่ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 มี.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังจากนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาด NYMEX ส่งมอบเดือนพ.ค.ดีดขึ้น 16 เซนต์ หรือ 0.15% ปิดที่ 107.03 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 106.19-107.32 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 52 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 125.65 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 124.58-125.89 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นเพราะได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง หลังจากเบอร์นันเก้กล่าวว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังอ่อนแอ แม้ตัวเลขจ้างงานได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง 3 เดือนติดต่อกัน และอัตราว่างงานปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปีก็ตาม ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม ซึ่งจะส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนแอลงอีก
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ (dollar index) ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินที่เป็นคู่ค้าหลักของสหรัฐ ร่วงลง 0.44% แตะที่ 78.96 จุด ซึ่งทำให้สัญญาสินค้าโภคภัณฑ์รวมถึงน้ำมันและทองคำ มีความน่าดึงดูดใจ เนื่องจากสัญญาซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 23 มี.ค. ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 2.8 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นอาจจะทรงตัว สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจจะเพิ่มขึ้น 0.3%