สัญญาน้ำมันดิบที่ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 มี.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าความตึงเครียดในตะวันออกกลาง รวมถึงซูดานและอิหร่าน จะส่งผลให้เกิดภาวะอุปทานตึงตัว อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากมีความเป็นไปได้เพิ่มขึ้นว่าสหรัฐอาจจะระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองฉุกเฉิน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาด NYMEX ส่งมอบเดือนพ.ค.ขยับขึ้น 30 เซนต์ หรือ 0.28% ปิดที่ 107.33 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 107.73 - 106.52 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 11 เซนต์ หรือ 0.09% ปิดที่ 125.54 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นหลังจากมีรายงานว่า กองกำลังทหารของซูดานได้ทิ้งระเบิดอย่างน้อย 3 ลูกที่บ่อน้ำมันทางตอนใต้ของประเทศซูดานเมื่อวานนี้ ซึ่งการโจมตีดังกล่าวมีขึ้นเพียงวันเดียวหลังจากเกิดการปะทะกันระหว่างกองกำลังซูดานเหนือและใต้ อันเนื่องมาจากข้อพิพาทเกี่ยวกับการครอบครองพื้นที่ชายแดน ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าจะทำให้เกิดภาวะอุปทานพลังงานขาดแคลน
ขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตกเริ่มส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันของอิหร่านแล้วในขณะนี้ โดยสำนักงานสถิติด้านพลังงานของอิหร่านเปิดเผยว่า อิหร่านซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) สามรถส่งออกน้ำมันได้ไม่ถึง 300,000 บาร์เรล/วันในเดือนมี.ค. หรือลดลง 14% และนับเป็นครั้งแรกในปีนี้ที่ยอดส่งออกน้ำมันของอิหร่านลดลง
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดแรงบวกในช่วงบ่าย หลังจากนายชาร์ล แมคคอนเนลล์ รมช.พลังงานของสหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐกำลังพิจารณาเรื่องการปล่อยน้ำมันออกจากคลังยุทธภัณฑ์สำรอง (Strategic Petroleum Reserve - SPR) โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดการพุ่งขึ้นของราคาพลังงาน เพราะเกรงว่าราคาที่ปรับตัวสูงจนเกินไปจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
มอร์แกน สแตนลีย์คาดการณ์ว่า หากสหรัฐปล่อยน้ำมันออกจากคลัง SPR จะทำให้ราคาน้ำมันดิบร่วงลงรุนแรงถึง 8% ในช่วง 2 วันแรก โดยปัจจุบันสหรัฐมีน้ำมันในคลัง SPR อยู่ปริมาณ 697 ล้านบาร์เรล ซึ่งรัฐบาลจะระบายน้ำมันออกจากคลังดังกล่าวก็ต่อเมื่อเกิดภาวะอุปทานตึงตัวที่เป็นผลมาจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ การโจมตีของผู้ก่อการร้าย และสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมือง
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 23 มี.ค. ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 2.8 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นอาจจะทรงตัว สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจจะเพิ่มขึ้น 0.3%