สัญญาน้ำมันดิบที่ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (28 มี.ค.) หลังจากสำนักงานสารนิเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้ว พุ่งขึ้นกว่า 7 ล้านบาร์เรล และจากข่าวที่ว่าหลายประเทศกำลังพิจารณาเรื่องการระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองฉุกเฉิน ซึ่งปัจจัยดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะที่มีอุปทานพลังงานมากเกินไปในตลาด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาด NYMEX ส่งมอบเดือนพ.ค.ร่วงลง 1.92 ดอลลาร์ หรือ 1.79% ปิดที่ 105.41 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 105.20 - 105.20 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนพ.ค. ดิ่งลง 1.38 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 124.16 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 123.53-125.18 ดอลลาร์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงทันทีที่ EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 23 มี.ค. พุ่งขึ้น 7.1 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 353.39 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นรดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2554 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.8 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 711,000 บาร์เรล แตะที่ 135.87 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัว และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 3.54 ล้านบาร์เรล แตะที่ 223.37 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะลดลงเพียง 1.6 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันพุ่งขึ้น 2.3% แตะที่ 84.5% มากกว่าที่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.3%
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่า ฝรั่งเศสกำลังเจรจากับสหรัฐและอังกฤษในเรื่องการระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองฉุกเฉิน ซึ่งข่าวดังกล่าวมีขึ้นไม่นานหลังจากนายชาร์ล แมคคอนเนลล์ รมช.พลังงานของสหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐกำลังพิจารณาเรื่องการปล่อยน้ำมันออกจากคลังยุทธภัณฑ์สำรอง (Strategic Petroleum Reserve - SPR) โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดการพุ่งขึ้นของราคาพลังงาน เพราะเกรงว่าราคาที่ปรับตัวสูงจนเกินไปจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
มอร์แกน สแตนลีย์คาดการณ์ว่า หากสหรัฐปล่อยน้ำมันออกจากคลัง SPR จะทำให้ราคาน้ำมันดิบร่วงลงรุนแรงถึง 8% ในช่วง 2 วันแรก โดยปัจจุบันสหรัฐมีน้ำมันในคลัง SPR อยู่ปริมาณ 697 ล้านบาร์เรล ซึ่งรัฐบาลจะระบายน้ำมันออกจากคลังดังกล่าวก็ต่อเมื่อเกิดภาวะอุปทานตึงตัวที่เป็นผลมาจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ การโจมตีของผู้ก่อการร้าย และสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมือง