สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) เดือนพ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิก ร่วงลง 69 เซนต์ แตะที่ 104.72 ดอลลาร์ ณ เวลา 1.10 น.ตามเวลาลอนดอนในวันนี้ หลังจากสำนักงานสารนิเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเกินคาดในรอบสัปดาห์ที่แล้ว และจากข่าวที่ว่าประเทศตะวันตกกำลังพิจารณาเรื่องการระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองฉุกเฉิน
EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 23 มี.ค. พุ่งขึ้น 7.1 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 353.39 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นรดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2554 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.8 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 711,000 บาร์เรล แตะที่ 135.87 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัว และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 3.54 ล้านบาร์เรล แตะที่ 223.37 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะลดลงเพียง 1.6 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันพุ่งขึ้น 2.3% แตะที่ 84.5% มากกว่าที่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.3%
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่า ฝรั่งเศสกำลังเจรจากับสหรัฐและอังกฤษในเรื่องการระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองฉุกเฉิน ซึ่งข่าวดังกล่าวมีขึ้นไม่นานหลังจากนายชาร์ล แมคคอนเนลล์ รมช.พลังงานของสหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐกำลังพิจารณาเรื่องการปล่อยน้ำมันออกจากคลังยุทธภัณฑ์สำรอง (Strategic Petroleum Reserve - SPR) โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดการพุ่งขึ้นของราคาพลังงาน