ภาวะตลาดน้ำมันน้ำมัน WTI ร่วง $2.54 หลังสต็อกน้ำมันดิบพุ่งเกินคาด

ข่าวต่างประเทศ Thursday April 5, 2012 07:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบที่ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (4 เม.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของรัฐบาลกลางสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 9 สัปดาห์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงภาวะซบเซาของอุปสงค์พลังงานภายในประเทศ นอกจากนี้ ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 3 หรือ QE3

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาด NYMEX ส่งมอบเดือนพ.ค.ร่วงลง 2.54 ดอลลาร์ หรือ 2.44% ปิดที่ 101.47 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 104.12 - 101.08 ดอลลาร์

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนพ.ค.ร่วงลง 2.52 ดอลลาร์ หรือ 2.02% ปิดที่ 122.34 ดอลลาร์/บาร์เรล

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจาก EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 30 มี.ค.พุ่งขึ้น 9.01 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 362.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ที่ 2.1 ล้านบาร์เรล

ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 19,000 บาร์เรล สู่ระดับ 135.89 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 300,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.46 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 221.91 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะลดลงเพียง 1.2 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 1.2% แตะที่ 85.7% มากกว่าที่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.3%

การพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงของสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐทำให้ตลาดวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวของอุปสงค์พลังงานภายในประเทศ นอกจากนี้ ตัวเลขดังกล่าวยังสอดคล้องกับข้อมูลของการปิโตรเลียมสหรัฐ (API) ที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้น 7.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 4.5 ล้านบาร์เรล

ตลาดได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป หลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลสเปนขายพันธบัตรระยะกลางได้เพียง 2.6 พันล้านยูโร (3.4 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายสูงสุดที่วางไว้ ขณะที่ต้นทุนการกู้ยืมปรับตัวสูงขึ้น

นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังคงได้รับปัจจัยลบจากการที่นักลงทุนผิดหวังต่อคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ที่ไม่ได้ส่งสัญญาณการใช้มาตรการ QE3 แม้เศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงก็ตาม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ