สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) เดือนพ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิก ดีดตัวขึ้น 60 เซนต์ แตะ 101.62 ดอลลาร์/บาร์เรล ณ เวลา 12.24 น.ตามเวลาลอนดอน ดีดตัวขึ้นจาก 101.02 ดอลลาร์/บาร์เรล เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังจากที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ส่งสัญญาณว่าอาจใช้มาตรการซื้อพันธบัตรเพื่อสกัดการลุกลามของวิกฤตหนี้ในภูมิภาค
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 13 เซนต์ แตะ 120.01 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นเพราะเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบเงินยูโร หลังจากที่นายเบนัวต์ โคเออร์ สมาชิกบอร์ดผู้บริหารของธนาคารกลางยุโรป กล่าวว่า อีซีบีอาจเข้าซื้อพันธบัตรสเปนอีกครั้ง
สถานการณ์เศรษฐกิจในสเปนกำลังสร้างความวิตกแก่นักลงทุน หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลพุ่งขึ้น ขณะที่รัฐบาลเดินหน้าปรับลดค่าใช้จ่ายต่อไป และกระทรวงแรงงานสเปนเปิดเผยเมื่อต้นเดือนนี้ว่า จำนวนผู้ว่างงานเดือนมีนาคมขยายตัวเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.75 ล้านคน โดยภาคบริการมีผู้ตกงานมากที่สุด ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้นแตะ 38,769 ราย
นักลงทุนจับตาดูสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) ซึ่งจะเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ในคืนนี้ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบที่รายงานโดย EIA นั้น จะเพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นอาจเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินอาจลดลง 1.0 ล้านบาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ก่อนหน้าที่สิ้นสุดวันที่ 30 มี.ค. พุ่งขึ้น 9.01 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 362.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ที่ 2.1 ล้านบาร์เรล