สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) เดือนพ.ค.ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิก พุ่งขึ้น 62 เซนต์ แตะที่ 103.32 ดอลลาร์/บาร์เรล ณ เวลา 14.16 น.ตามเวลาลอนดอนในวันนี้ หลังจากสำนักงานสารนิเทศด้านพลังงานของรัฐบาลกลางสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐร่วงลงเกินคาดในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้ตลาดคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวของอุปสงค์พลังงาน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นหลังจาก EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันเบนซินในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 6 เม.ย.ร่วงลง 4.28 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 217.64 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงเพียง 1 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นร่วงลง 4 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 131.89 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 0.3%
การร่วงลงของสต็อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นได้ช่วยให้ตลาดคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวของอุปสงค์พลังงานในสหรัฐ และยังสามารถชดเชยปัจจัยลบจากรายงานของ EIA ที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.79 ล้านบาร์เรล แตะที่ 365.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ยังได้รับแรงหนุนจากรายงานของ EIA ที่ระบุว่า การผลิตน้ำมันดิบของอิหร่านอาจจะลดลงประมาณ 500,000 บาร์เรลต่อวันภายในสิ้นปีนี้ เนื่องจากขาดการลงทุน อันเป็นผลมาจากการคว่ำบาตรอิหร่านโดยนานาประเทศ โดย EIA ระบุในรายงานประจำเดือนว่า การผลิตน้ำมันของอิหร่าน ณ สิ้นปี 2554 อยู่ที่ระดับ 3.55 ล้านบาร์เรลต่อวัน และระบุว่า ผลผลิตน้ำมันของอิหร่านเริ่มลดลงอย่างรวดเร็วขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2554