สัญญาน้ำมันดิบที่ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (13 เม.ย.) เนื่องจากอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนที่ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ รวมถึงความวิตกเรื่องหนี้ยุโรปที่ถูกจุดปะทุขึ้นอีกครั้ง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาด NYMEX ส่งมอบเดือนพ.ค.ปรับตัวลง 81 เซนต์ หรือ 0.78% ปิดที่ 102.83 ดอลลาร์/บาร์เรล สำหรับตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาน้ำมันดิบลดลง 48 เซนต์ หรือ 0.46%
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 12 เซนต์ ปิดที่ 121.83 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดน้ำมันถูกกดดันอย่างหนักจากเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลง โดยวานนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสแรกปีนี้ ขยายตัวที่ระดับ 8.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากระดับ 8.9% ในไตรมาส 4 ปีที่แล้ว
อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ นับว่าอ่อนแอที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี และต่ำกว่าที่ได้มีการคาดการณ์ไว้ที่ 8.3% ซึ่งจุดกระแสวิตกกังวลอีกครั้งว่า เศรษฐกิจจีนอาจเข้าสู่ภาวะชะลอตัวอย่างรวดเร็วและรุนแรง (hard landing) ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็จะส่งผลสืบเนื่องไปถึงแนวโน้มความต้องการน้ำมันด้วย
ขณะเดียวกัน ความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรปได้หวนกลับคืนมาปกคลุมตลาดอีกครั้ง เมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสเปนพุ่งสูงขึ้นกว่า 6% หลังจากที่มีรายงานว่า ยอดการกู้ยืมของธนาคารพาณิชย์สเปนจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนมี.ค. นอกจากนี้ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของอิตาลีในเดือนก.พ.ก็ออกมาต่ำกว่าคาด ซึ่งได้สร้างความหวั่นเกรงเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศ
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับยูโร โดยยูโรร่วงลงกว่า 0.8% ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์สหรัฐต่อตระกร้าสกุลเงิน พุ่งขึ้นเกือบ 0.8%
ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นถือเป็นปัจจัยลบต่อราคาน้ำมัน เพราะทำให้สัญญาน้ำมันดิบที่ซื้อขายกันในสกุลเงินดอลลาร์มีราคาที่น่าดึงดูดน้อยลงสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ
เมื่อวันศุกร์ รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนเม.ย. ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 75.7 จาก 76.2 ในเดือนมี.ค.เนื่องจากการจ้างงานที่ชะลอตัว ตลอดจนราคาน้ำมันเบนซินที่อยู่ในระดับสูงได้ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายภาคครัวเรือน ซึ่งความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐที่อ่อนแอลงก็ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำมันเช่นกัน