สัญญาน้ำมันดิบที่ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (17 เม.ย.) หลังจากบริษัทหลายแห่งของสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด และหลังจากเยอรมนีเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนที่แข็งแกร่งเกินคาดเช่นกัน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาด NYMEX ส่งมอบเดือนพ.ค.พุ่งขึ้น 1.27 ดอลลาร์ หรือ 1.23% ปิดที่ 104.20 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 105.07 - 102.66 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนมิ.ย.ขยับขึ้น 10 เซนต์ ปิดที่ 118.78 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 117.98 - 119.34 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นหลังจาก ZEW เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของกลุ่มนักลงทุนในเยอรมนีปรับตัวขึ้นแตะ 23.4 จุดในเดือนเม.ย. จากระดับ 22.3 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ขณะที่นักวิเคราะห์บางรายคาดการณ์ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นดังกล่าวจะร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 15.0 จุด
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกหลังจากบริษัทหลายแห่งของสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด รวมถึงโกลด์แมน แซคส์, เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, ซิตี้กรุ๊ป, ธนาคารเวลส์ ฟาร์โก และโคคา-โคลา รวมทั้งข่าวที่ว่ารัฐบาลสเปนสามารถระดมทุนผ่านการขายตั๋วเงินคลังอายุ 12 เดือน วงเงิน 2.09 พันล้านยูโร และตั๋วเงินคลัง 18 เดือน ในวงเงิน 1.09 พันล้าน ยูโร ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ระดับ 2-3 พันล้านยูโร
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังคงได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า บริษัท เอ็นบริดจ์ อิงค์ และบริษัทเอ็นเทอร์ไพรซ์ โพรดัคท์ส พาร์ทเนอร์ส ซึ่งเป็นเจ้าของท่อส่งน้ำมันซีเวย์ เปิดเผยว่า ทั้งสองบริษัทจะเริ่มการลำเลียงขนส่งน้ำมันผ่านท่อส่งซีเวย์ จากเมืองคุชชิ่ง มลรัฐโอกลาโฮมา ไปยังเขตกัลฟ์โคสต์ของสหรัฐ ในวันที่ 17 พ.ค.นี้ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยลดแรงกดดันด้านสต็อกน้ำมันที่เมืองคุชชิ่ง ซึ่งเป็นท่าส่งมอบน้ำมันสำหรับตลาด NYMEX
อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากอิหร่านและ 6 ชาติมหาอำนาจซึ่งประชุมร่วมกันที่เมืองอิสตันบูลในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ตกลงกันว่าจะประชุมร่วมกันอีกครั้งที่กรุงแบกแดดในวันที่ 23 พ.ค
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 13 เม.ย.ของสหรัฐ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในคืนนี้ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์กล่าวว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 100,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 900,000 บาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.8%