สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) เดือนพ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิก ปรับตัวลดลง 5 เซนต์ แตะ 104.15 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากที่สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน ขณะที่นักลงทุนก็วิตกกังวลว่า วิกฤตหนี้ยุโรปอาจทำให้การบริโภคน้ำมันลดลง
การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่แล้วพุ่งขึ้น 3.4 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 2.4 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2.6 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันขยับขึ้น 0.1%
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ ได้ประกาศแผนฉบับใหม่ในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการกำกับดูแลและกวาดล้างพฤติกรรมการปั่นราคาในตลาดน้ำมัน ซึ่งนับเป็นความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของทำเนียบขาว เพื่อสกัดกั้นการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันเบนซิน
โอบามาได้เรียกร้องให้สภาคองเกรสสหรัฐ มุ่งเน้นการกำกับดูแลตลาดน้ำมัน รวมทั้งเพิ่มบทลงโทษแก่ผู้ที่มีพฤติกรรมปั่นราคาในตลาดน้ำมัน และเรียกร้องให้สภาคองเกรสผ่านร่างกฎหมายการเพิ่มงบประมาณการสนับสนุนคณะกรรมการกำกับดูแลการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้าของสหรัฐ (CFTC)
ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 13 เม.ย.ของสหรัฐ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในคืนนี้ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์กล่าวว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 100,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 900,000 บาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.8%
นอกจากนั้นแล้ว สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิหร่านและโลกตะวันตกดูเหมือนว่าจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยเจ้าหน้าที่จากสหภาพยุโรปเปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า คณะผู้แทนจากอิหร่านจะพบปะหารือกับ 5 ชาติสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติและเยอรมนี หรือกลุ่ม P5+1 ในวันที่ 23 พฤษภาคมนี้ที่กรุงแบกแดด หลังจากที่ได้หารือกันอย่างสร้างสรรค์ที่กรุงอิสตันบูล