สัญญาน้ำมันดิบที่ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (19 เม.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่ายอดขายบ้านมือสองเดือนมี.ค.ร่วงลงอย่างเหนือความคาดหมาย และจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ที่ลดลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐ
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาด NYMEX ส่งมอบเดือนพ.ค.ลดลง 40 เซนต์ หรือ 0.39% ปิดที่ 102.27 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 103.21 - 101.67 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนมิ.ย.ขยับขึ้น 3 เซนต์ ปิดที่ 118.00 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 117.68 - 119.15 ดอลลาร์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 14 เม.ย. ลดลง 2,000 ราย มาอยู่ที่ 386,000 ราย ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงมาอยู่ที่ 370,000 ราย และยอดขายบ้านมือสองเดือนมี.ค.ร่วงลง 2.6% มาอยู่ที่ระดับ 4.48 ล้านยูนิต ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่ายอดขายบ้านมือสองจะเพิ่มขึ้นแตะที่ 4.62 ล้านยูนิตในเดือนมี.ค. จากเดือนก.พ.ที่ 4.59 ล้านยูนิต
ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐได้บดบังปัจจัยบวกจากความสำเร็จในการประมูลพันธบัตรของรัฐบาลสเปนและฝรั่งเศส โดยเมื่อช่วงเย็นวานนี้ตามเวลาไทย รัฐบาลสเปนสามารถระดมทุนด้วยการขายพันธบัตรอายุ 10 ปี และ 2 ปี เป็นวงเงินทั้งสิ้น 2.54 พันล้านยูโร (3.33 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของกรอบเป้าหมายที่วางไว้ที่ 1.5 - 2.5 พันล้านยูโร
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI ขยับลงเพียงเล็กน้อย เพราะในระหว่างวันตลาดได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า อิหร่านเตือนว่าอาจจะระงับการขายน้ำมันดิบให้กับกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป (อียู) หากอียูไม่แสดงท่าทียืดหยุ่นต่ออิหร่าน ก่อนที่การประชุมว่าด้วยประเด็นนิวเคลียร์รอบที่ 2 จะมีขึ้นที่กรุงแบกแดดในวันที่ 23 พ.ค.นี้
นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบจะทำให้อิหร่านใช้เป็นข้ออ้างในการต่อรองเรื่องการคว่ำบาตร เพราะมาตรการคว่ำบาตรจะส่งผลให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกลดลงและจะยิ่งหนุนราคาน้ำมันให้สูงขึ้นอีก
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ ได้ประกาศแผนฉบับใหม่ในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการกำกับดูแลและกวาดล้างพฤติกรรมการปั่นราคาในตลาดน้ำมัน ซึ่งนับเป็นความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของทำเนียบขาว เพื่อสกัดกั้นการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันเบนซิน ภายใต้แผนการดังกล่าว ประธานาธิบดีโอบามาได้เสนอให้มีการเพิ่มบทลงโทษแก่ผู้ที่มีพฤติกรรมการปั่นราคาในตลาดน้ำมันล่วงหน้าเป็น 10 เท่า พร้อมกับเรียกร้องให้สภาคองเกรสผ่านร่างกฎหมายการเพิ่มงบประมาณการสนับสนุนคณะกรรมการกำกับดูแลการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้าของสหรัฐ (CFTC)