ภาวะตลาดน้ำมันน้ำมัน WTI ปิดลบ 77 เซนต์ เหตุวิตกศก.ยูโรโซน,จีนชะลอตัว

ข่าวต่างประเทศ Tuesday April 24, 2012 06:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (23 เม.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกหลังจากมีรายงานว่า ดัชนีภาคการผลิตของจีนและกลุ่มประเทศยูโรโซนหดตัวลง รวมทั้งตัวเลขหนี้สินที่เพิ่มขึ้นของประเทศยูโรโซน อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ความไม่สงบในซูดาน ได้ช่วยพยุงสัญญาน้ำมันดิบ WTI ไม่ให้ปรับตัวลงมากจนเกินไป

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาด NYMEX ส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 77 เซนต์ หรือ 0.74% ปิดที่ 103.11 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 101.82-103.98 ดอลลาร์

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนมิ.ย.ปรับตัวลง 5 เซนต์ ปิดที่ 118.71 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 117.21-118.91 ดอลลาร์

สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจาก สหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยว่า 17 ชาติสมาชิกยูโรโซนยังคงเผชิญกับความยากลำบากในการควบคุมหนี้ แม้ว่ารัฐบาลสามารถลดยอดขาดดุลงบประมาณลงมาอยู่ที่ระดับ 4.1% ของผลผลิตทางเศรษฐกิจในปี 2554 จากระดับ 6.2% ของจีดีพีในปี 2553 ก็ตาม

ขณะที่มาร์กิต อิโคโนมิคเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการของยูโรโซน ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนที่ 47.4 ในเดือนเม.ย. จาก 49.1 ในเดือนมี.ค. ซึ่งตัวเลขต่ำกว่าระดับ 50 ถือว่าอยู่ในภาวะหดตัว เนื่องจากยอดสั่งซื้อปรับตัวลดลง และการปลดพนักงานมากขึ้นได้ส่งผลกระทบทั้งภาคการผลิตและภาคบริการ

นอกจากนี้ HSBC รายงานว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตจีนเบื้องต้น ฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 49.1 ในเดือนเม.ย. จาก 48.3 ในเดือน มี.ค. แต่ก็ยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งเป็นระดับที่บ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจหดตัวลงเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน

อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI ได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน เนื่องจากความตึงเครียดทางการเมืองในซูดาน ซึ่งเป็นเหตุให้บ่อน้ำมันที่สำคัญแห่งหนึ่งในซูดานได้รับความเสียหายอันเนื่องมาจากเหตุปะทะกันระหว่างกองกำลังซูดานเหนือและใต้

นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 20 เม.ย. ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในช่วงค่ำวันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 2.9 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 300,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 700,000 บาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น 0.5%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ