สัญญาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (15 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลกับข่าวที่ว่ากรีซประสบความล้มเหลวในการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลและข้อมูลที่ซบเซาของสหรัฐ ซึ่งข่าวดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากข้อมูลจีดีพีที่ดีเกินคาดของยูโรโซน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาด NYMEX ส่งมอบเดือนมิ.ย.ปรับตัวลง 80 เซนต์ หรือ 0.84% ปิดที่ 93.98 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 95.48 - 93.02 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนมิ.ย.บวก 67 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 112.24ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ข่าวที่ว่า ยูโรโซนหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยซ้ำสองช่วยคลายความวิตกสำหรับตลาด โดย Eurostat ซึ่งเป็นสำนักงานสถิติของสหภาพยุโรป (อียู) เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของยูโรโซนยังคงไม่เปลี่ยนแปลงในไตรมาสแรก ซึ่งดีกว่าคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ถึงการหดตัวลง 0.2% และทำให้ภูมิภาคดังกล่าวสามารถหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยอีกรอบ
เยอรมนีซึ่งมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในยูโรโซน มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจ 0.5% ในไตรมาสแรกในแง่ที่มีการปรับตามฤดูกาล ซึ่งคิดเป็น 5 เท่าของอัตราการขยายตัวที่คาดไว้ ในขณะที่การส่งออกไปยังตลาดเกิดใหม่ถึงให้เศรษฐกิจถ้นจากภาวะหดตัว 0.2% ในไตรมาส 4 ของปี 2554 ซึ่งการฟื้นตัวของเยอรมนีได้ช่วยหนุนความเชื่อมั่นของตลาด
แต่กรีซประสบความล้มเหลวในการจัดตั้งรัฐบาลผสม ในช่วง 9 วันหลังการเลือกตั้งรัฐสภา โดยนักลงทุนวิตกว่า กรีซจะจำเป็นต้องจัดการเลือกตั้งอีกรอบ ซึ่งสร้างความวิตกเกี่ยวกับอนาคตของกรีซและแนวโน้มเศรษฐกิจของยูโรโซน
ในด้านเศรษฐกิจสหรัฐนั้น ยอดค้าปลีกชะลอลงอย่างมากในเดือนเม.ย. โดยขยายตัวเพียง 0.1% เมื่อเทียบกับการขยายตัว 0.7% ในเดือนมี.ค.
นอกจากนี้ ดัชนีดอลลาร์ยังปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 12 ติดต่อกันซึ่งยาวนานเป็นประวัติการณ์ ซึ่งการแข็งค่าของดอลลาร์ดึงราคาน้ำมันลง
ในด้านอุปทานนั้น เกิดเหตุระเบิดที่ท่อส่งน้ำมันหลักในซีเรียตะวันออก ซึ่งทำให้อุปทานของซีเรียตกอยู่ในภาวะเสี่ยง แต่คำยืนยันของซาอุดิอาระเบียที่จะเพิ่มการผลิต ยังถ่วงตลาด
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.4-1.5 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะทรงตัว สต็อกน้ำมันเบนซินอาจเพิ่มขึ้นราว 200,000-2500,000 บาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น 0.5%