สัญญาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 พ.ค.) อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลที่ว่าอุปสงค์พลังงานในสหรัฐอาจหดตัวลง หลังจากสต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเกินคาดในรอบสัปดาห์ที่แล้ว และข้อมูลด้านการผลิตที่อ่อนแอลงของสหรัฐ โดยความวิตกเกี่ยวกับกรีซยังคงสร้างแรงกดดันต่อแนวโน้มอุปสงค์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาด NYMEX ส่งมอบเดือนมิ.ย.ปรับตัวลง 25 เซนต์ หรือ 0.27% ปิดที่ 92.56 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนก.ค.ดิ่งลง 2.26 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 107.49 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า น้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นในช่วงแรก ในขณะที่การเปลี่ยนเส้นทางท่อส่งน้ำมันซีเวย์ช่วยบรรเทาแรงกดดันเกี่ยวกับสต็อคน้ำมันที่จุดส่งมอบน้ำมันดิบ WTI ที่เมืองคุชชิง รัฐโอกลาโฮมา แต่ราคาลดแรงบวกลงและปรับตัวลง หลังการเปิดเผยข้อมูลที่อ่อนแอ
รายงานการผลิตของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียสำหรับภูมิภาคมิด-แอตแลนติกบ่งชี้ถึงการหดตัวลงอย่างมากในเดือนพ.ค. โดยดัชนีกิจกรรมธุรกิจอยู่ในเชิงลบ ที่ -5.8 จาก +8.5 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.
กระทรวงแรงงานเปิดเผยว่า ยอดผู้ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงไม่เปลี่ยนแปลงในสัปดาห์ที่สิ้นสุดในวันที่ 12 พ.ค. โดยในขณะที่มีคาดการณ์เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการขยายตัวของการจ้างงานที่ซบเซาในสหรัฐ รายงานดังกล่าวไม่ได้ช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกลง
ในยุโรป ปัญหากรีซยังคงถ่วงตลาดน้ำมันดิบ โดยหลังจากที่ความพยายามในการจัดตั้งรัฐบาลผสมในกรีซประสบความล้มเหลว กรีซจะจำเป็นต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ในเดือนมิ.ย. และมีความเป็นไปได้สูงว่า กรีซอาจจะไม่สามารถปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาเกี่ยวกับแผนรัดเข็มขัด และอาจจะจำเป็นต้องออกจากยูโรโซน ซึ่งการกล่าวกันถึงเรื่องดังกล่าวถ่วงตลาดการเงินอย่างหนัก
นอกจากนี้ มูดี้ส์ยังเตรียมที่จะลดอันดับเครดิตธนาคารสเปนหลายแห่ง และคำถามเกี่ยวกับสภาวะระบบการเงินสเปนได้ ปรากฎขึ้นอีกครั้ง โดยมีรายงานถึงการถอนเงินจำนวนมากจากธนาคารรายใหญ่ของสเปนและนั่นสร้างความวิตกให้กับนักลงทุน