ภาวะตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ (CBOT) เมื่อคืนนี้ (22 พ.ค.) สัญญาข้าวโพด ข้าวสาลี และถั่วเหลืองต่างก็ร่วงลง โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากพยากรณ์อากาศที่ส่งสัญญาณดี ผลผลิตที่ได้คุณภาพ และดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น
สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนก.ค. ร่วง 36 เซนต์ หรือ 5.67% ปิดที่ 5.97 ดอลลาร์ต่อบุชเชล ขณะที่สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนก.ค. ปรับตัวลดลง 18.5 เซนต์ หรือ 2.97% แตะที่ 6.855 ดอลลาร์ต่อบุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนก.ค. ร่วง 30.25 เซนต์ หรือ 2.14% ปิดที่ 13.8225 ดอลลาร์ต่อบุชเชล
ตลาด CBOT ได้รับแรงกดภายนอกตลาดเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากความวิตกกังลเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจยุโรปและญี่ปุ่นทำให้นักลงทุนแห่ซื้อเงินดอลลาร์เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย การแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลกระทบต่อตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ เนื่องจากทำให้สินค้าโภคภัณฑ์มีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือเงินสกุลอื่น
นอกจากนี้ ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ยังได้รับแรงกดดันจากปัจจัยสภาพอากาศ ที่ฉุดให้สัญญาอยู่ในแดนลบ
สำหรับสัญญาข้าวโพดอ่อนแรงหนักที่สุด จากความวิตกกังวลในบรรดาเทรดเดอร์เกี่ยวกับผลผลิตคุณภาพสูงซึ่งเก็บเกี่ยวได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้ตลาดข้าวโพดร่วงหนัก รายงานผลผลิตซึ่งเปิดเผยเมื่อคืนนี้ระบุว่า การเพาะปลูกข้าวโพดในปีนี้อยู่ 96% แล้วซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ นอกจากนี้ ผลผลิตข้าวโพด 77% ยังได้รับการจัดคุณภาพอยู่ในเกณฑ์ดี หรือดีเยี่ยม
รายงานการเพาะปลูกดังกล่าวนับว่าเกินความคาดหมายของเทรดเดอร์ ขณะเดียวกัน ยังมีพยากรณ์อากาศว่าสภาพอากาศจะเหมาะสม เนื่องจากจะมีฝนตกมากขึ้น ทำให้เริ่มมีกระแสแรงขายในกลุ่มเทรดเดอร์กองทุน
สำหรับสัญญาถั่วเหลืองได้รับแรงกดดันจากปัจจัยสภาพอากาศที่คล้ายคลึงกัน โดยสัญญาส่งมอบเดือนก.ค. ร่วงสู่ระดับต่ำสุดในการซื้อขายนับตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค. รายงานการเพาะปลูกระบุว่า มีการเพาะปลูกข้าวโพดแล้ว 76% ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งทำให้เทรดเดอร์เทขายสัญญาบางส่วน
ปัจจัยเชิงลบอย่างมากในตลาดข้าวโพดและถั่วเหลืองส่งผลกระทบมาถึงตลาดข้าวสาลีด้วย โดยในตลาดข้าวสาลีนั้น มีการเปิดเผยรายงานที่ว่า การเพาะปลูกข้าวสาลีอยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ โดยมีการปลูกข้าวสาลีแล้ว 99% เมื่อเทียบกับ 50% ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สำนักข่าวซินหัวรายงาน