ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดขยับลงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (29 พ.ค.) ในขณะที่นักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาด NYMEX ส่งมอบเดือนก.ค.ปิดขยับลง 10 เซนต์ หรือ 0.11% ที่ 90.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 43 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 106.68 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ราคาน้ำมันดีดขึ้นจากจุดต่ำสุดรอบ 7 เดือนของเมื่อสัปดาห์ที่แล้วในช่วงเช้าตามเวลาสหรัฐ ในขณะที่นักลงทุนเห็นโอกาสในการเข้าซื้อที่ระดับต่ำสุด โดยราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นสูงถึง 92 ดอลลาร์/บาร์เรลในการซื้อขายช่วงกลางของภาคเช้า
นอกจากนี้ แรงบวกที่คงอยู่ระยะสั้นนั้นยังเป็นผลจากความหวังที่ว่า กรีซอาจจะหลีกเลี่ยงการออกจากยูโรโซนได้ ถ้าพรรคที่สนับสนุนแผนช่วยเหลือจากภายนอกชนะการเลือกตั้งในวันที่ 17 มิ.ย. รวมทั้งจากข่าวที่ว่าจีนจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น เพื่อหนุนเศรษฐกิจ
แต่หลังจากที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถืออีแกน โจนส์ปรับลดอันดับเครดิตตราสารหนี้สเปน ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง โดยอีแกน โจนส์เตือนว่า สเปนอาจจะเผชิญภาวะยากลำบากในการชำระคืนหนี้ อันเป็นผลจากการว่างงานในวงกว้างและเศรษฐกิจที่หดตัวลง
นักลงทุนวิตกว่า สเปน รวมทั้งกลุ่มประเทศที่มีหนี้สินสูงอื่นๆ จะถ่วงยุโรปโดยรวมลงสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงมากกว่า 2% ในเวลาเพียง 30 นาทีจากปัญหายุโรปที่ยืดเยื้อ
ในด้านเศรษฐกิจสหรัฐนั้น ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดรอบ 4 เดือนในเดือนพ.ค. หลังจากที่ปรับลงเล็กน้อยในเดือนก่อน รายงานที่เปิดเผยโดย Conference Board เมื่อวานนี้ระบุ
รายงานอีกฉบับจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์สแสดงว่า ราคาบ้านในสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะที่ยากลำบาก โดยดัชนีที่สำคัญทั้ง 3 สิ้นสุดไตรมาสแรกของปี 2555 ที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ที่วิกฤตที่อยู่อาศัยปรากฎขึ้นช่วงกลางปี 2549