ภาวะตลาดน้ำมัน:น้ำมัน WTI รูด 3.30 ดอลล์หลังจ้างงานสหรัฐอ่อนแอ

ข่าวต่างประเทศ Saturday June 2, 2012 06:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ราคาน้ำมันดิ่งลงเมื่อคืนนี้ (1 มิ.ย.) เนื่องจากรายงานการจ้างงานของสหรัฐที่อ่อนแอในเดือนพ.ค., ข้อมูลการผลิตที่อ่อนแอจากจีน และวิกฤตหนี้ยูโรโซน ทำให้มีความวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาด NYMEX ส่งมอบเดือนก.ค.รูดลง 3.30 ดอลลาร์ หรือ 3.81% ปิดที่ 83.23 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนก.ค.ดิ่งลง 3.44 ดอลลาร์ ปิดที่ 98.43 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยฝ่าลงต่ำกว่าระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อคืนนี้ ราคาน้ำมันดิบเริ่มร่วงลงทันทีที่เปิดตลาด แรงผลักดันสำคัญอยู่ที่รายงานการจ้างงานเดือนพ.ค.ที่น่าผิดหวังอย่างมาก

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า สหรัฐจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 69,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 77,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 1 ปี และต่ำกว่าการเพิ่มขึ้น 150,000 ตำแหน่งที่คาดไว้ อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นมาที่ 8.2% จาก 8.1% ในเดือนก่อน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว

ตลาดแรงงานที่ซบเซาแสดงว่า เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงและถ่วงตลาดน้ำมันดิบอย่างหนัก ท่ามกลางวิกฤตหนี้ยุโรปและการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน

นักลงทุนที่ตื่นตระหนกหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง อาทิ สินค้าโภคภัณฑ์และหุ้น และแห่เข้าลงทุนในสกุลเงินแข็งและพันธบัตร โดยผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ยูโรร่วงลงแตะระดับต่ำสุดรอบ 23 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ซึ่งค่าดอลลาร์ที่แข็งแกร่งเป็นปัจจัยลบต่อราคาน้ำมันดิบ

นอกจากนี้ สถาบันการจัดการอุปทาน (ISM) เปิดเผยว่า การผลิตของสหรัฐชะลอลงในเดือนพ.ค. แม้ว่าดัชนีวัดคำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปีก็ตาม

สำนักงานสถิติ Eurostat ของสหภาพยุโรป (อียู) เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า การว่างงานของยูโรโซนแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 11% โดยเตือนว่า การว่างงานอาจจะเพิ่มขึ้นต่อไป ในขณะที่วิกฤตหนี้ยูโรโซนกระทบธุรกิจและทำให้รัฐบาลปลดข้าราชการออก

ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) อย่างเป็นทางการของจีน อ่อนตัวลงสู่ 50.4 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นตัวเลขต่ำสุดของปีนี้ ซึ่งยิ่งเพิ่มความวิตกให้กับตลาด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ