ภาวะตลาดน้ำมันน้ำมัน WTI ปิดบวก 73 เซนต์หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง

ข่าวต่างประเทศ Thursday June 7, 2012 07:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 มิ.ย.) ทำสถิติปิดบวกติดต่อกัน 3 วันทำการ หลังจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศความพร้อมที่จะใช้มาตรการที่จำเป็นหากเศรษฐกิจมีแนวโน้มอ่อนแอลง นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ยังได้รับแรงหนุนหลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงในรอบสัปดาห์ที่แล้ว

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ปรับตัวขึ้น 73 เซนต์ หรือ 0.86% ปิดที่ 85.02 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 84.03 - 86.27 ดอลลาร์

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 1.80 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 100.64 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 98.71 - 101.39 ดอลลาร์

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลกลางสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 1 มิ.ย. ลดลง 111,000 บาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 384.63 ล้านบาร์เรล แม้จะน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลง 900,000 บาร์เรลก็ตาม

ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 2.25 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 120.04 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.1 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 3.35 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 203.53 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.4 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันพุ่งขึ้น 1.9% สู่ระดับ 91%

นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ได้รับปัจจัยบวกหลังจากอีซีบีมีมติคงอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ขณะที่นายมาริโอ ดรากิ ประธานอีซีบีระบุว่า อีซีบีพร้อมดำเนินมาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ นอกจากนี้ อีซีบียังให้คำมั่นสัญญาว่าจะขยายโครงการจัดหาสภาพคล่องเข้าสู่ตลาดการเงิน โดยมีเป้าหมายที่จะรับมือกับวิกฤตหนี้ยูโรโซน

สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างความคิดเห็นของนักวิเคราะห์หลายคนในตลาดว่า อีซีบีอาจจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในการประชุมครั้งหน้าวันที่ 5 ก.ค. เพื่อรับมือกับวิกฤตหนี้สาธารณะ ซึ่งอาจจะรวมถึงการลดอัตราดอกเบี้ย

ตลาดน้ำมันได้รับปัจจัยบวกมากขึ้นจากรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวปานกลางในช่วงต้นเดือนเม.ย.จนถึงปลายเดือนพ.ค. โดยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมมีการขยายตัว ขณะที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์พื้นตัวขึ้น และการจ้างงานปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ