สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (7 มิ.ย.) หลังจาก เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่าวิกฤตหนี้ยุโรปกำลังทำให้ระบบเศรษฐกิจและธนาคารของสหรัฐตกอยู่ในความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI ขยับลงไม่มากนัก เนื่องภาวะการซื้อขายโดยรวมได้รับแรงหนุนจากข่าวธนาคารกลางจีนลดอัตราดอกเบี้ยและสเปนระดมทุนจากการขายพันธบัตรได้สูงกว่าเป้าหมาย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ปรับตัวลง 20 เซนต์ หรือ 0.24% ปิดที่ 84.82 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 83.43 - 87.03 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 71 เซนต์ หรือ 0.71% ปิดที่ 99.93 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 99.07 - 102.45 ดอลลาร์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงหลังจากเบอร์นันเก้แถลงต่อคณะกรรมาธิการร่วมทางเศรษฐกิจแห่งสภาคองเกรสเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยว่า วิกฤตหนี้ยุโปรที่ทวีความรุนแรงขึ้นนั้น ได้ส่งให้ระบบเศรษฐกิจและแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐตกอยู่ในความเสี่ยงอย่างมาก นอกจากนี้เบอร์นันเก้ได้แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะ และเสถียรภาพของธนาคารพาณิชย์ในหลายประเทศของยูโรโซน ซึ่งปัญหาเหล่านี้ยังคงสร้างความตึงเครียดให้กับตลาดการเงินทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด หลังจากธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะ 1 ปีลง 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 3.25% และปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปีลง 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 6.31% ซึ่งนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนธ.ค.ปี 2551 ที่ธนาคารกลางจีนตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการที่สเปนสามารถระดมทุนได้ 2.074 พันล้านยูโรในการประมูลขายพันธบัตรเมื่อวานนี้ ซึ่งสูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 1-2 พันล้านยูโร และรายงานที่ว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 2 มิ.ย. ลดลง 12,000 ราย มาอยู่ที่ 377,000 ราย ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรก หลังจากที่ปรับตัวขึ้นมา 4 สัปดาห์ติดต่อกัน สะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงอยู่ในระยะฟื้นตัว