สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (18 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนลดมุมมองในเชิงบวกเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งของกรีซ และกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลสเปนพุ่งขึ้นเหนือระดับ 7%
สัญญาน้ำมันดิบ WTI เดือนก.ค.ซึ่งจะครบกำหนดส่งมอบในวันพุธนี้ ปรับตัวลง 76 เซนต์ หรือ 0.90% ปิดที่ 83.27 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 82.04-85.60 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอน ดิ่งลง 1.56 ดอลลาร์ หรือ 1.60% ปิดที่ 96.05 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 95.38-99.50 ดอลลาร์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในช่วงเช้านั้น สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น หลังจากพรรคนิวเดโมเครซี (ND) ซึ่งเป็นพรรคที่สนับสนุนนโยบายรัดเข็มขัด ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง โดยพรรค ND ได้คะแนน 29.66% เหนือคู่แข่งที่ไม่เห็นด้วยกับมาตรการรัดเข็มขัดอย่างพรรค Syriza ที่ได้คะแนน 26.89% ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนผ่อนคลายจากความกังวลที่ว่ากรีซจะออกจากกลุ่มยูโรโซน
เรย์มอนด์ คาร์โบน ประธานบริษัทพาราเมาท์ ออพชันส์กล่าวว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI อ่อนแรงลงอย่างรวดเร็ว หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลสเปนพุ่งขึ้น 0.41% แตะที่ 7.29% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่สเปนเริ่มใช้สกุลเงินยูโรในปี 2542 และทำให้สเปนจะประสบความยากลำบากในการระดมทุนในตลาดการเงิน และอาจจะทำให้สเปนกลายเป็นประเทศสมาชิกยูโรโซนรายที่ 4 ที่ต้องขอความช่วยเหลือจากภายนอก
นอกจากนี้ คารโบนกล่าวว่า เทรดเดอร์ยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกันอนาคตของกรีซ แม้นายแอนโทนิส ซามาราส หัวหน้าพรรค ND เริ่มหารือร่วมกับหัวหน้าพรรคอื่นๆเพื่อจัดตั้งรัฐบาลก็ตาม
นักลงทุนจับตาดูการประชุมนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและ 6 ชาติมหาอำนาจตะวันตกซึ่งจัดขึ้นที่กรุงมอสโคว ประเทศรัสเซีย หลังจากที่เซอร์เก รยาบคอฟ รมช.ต่างประเทศของรัสเซียเปิดเผยว่า การเจรจาครั้งสำคัญระหว่างอิหร่านกับ 6 ประเทศมหาอำนาจเกี่ยวกับประเด็นนิวเคลียร์นั้นได้ผลเป็นรูปธรรม โดยบรรยากาศของการพูดคุยเป็นไปอย่างเปิดกว้างและคล้ายกับการเจรจาทางธุรกิจมากกว่าการเมือง
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ที่ 15 มิ.ย. ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 1.0 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 1.0 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะลดลง 0.1%