สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) เดือนส.ค.ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิก ร่วงลง 78 เซนต์ หรือ 1% แตะที่ 80.67 ดอลลาร์/บาร์เรล ณ เวลา 12.59 น.ตามเวลาลอนดอนในวันนี้ โดยสัญญาน้ำมัน WTI ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 80 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้น และจากความวิตกกังวลที่ว่าวิกฤตหนี้ยุโรปจะฉุดรั้งเศรษฐกิจทั่วโลกให้ชะลอตัวลง ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการพลังงานลดน้อยลงด้วย
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของรัฐบาลกลางสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 15 มิ.ย. พุ่งขึ้น 2.86 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 387.3 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงเพียง 1.0 ล้านบาร์เรล
สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 1.16 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 121.13 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 943,000 บาร์เรล สู่ระดับ 202.74 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่คาดว่าจะพุ่งขึ้น 1.0 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง 0.1% สู่ระดับ 91.9%
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ได้รับแรงกดดันมากขึ้นหลังจากเอชเอสบีซี โฮลดิงส์เปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ขั้นต้นของภาคการผลิตจีนในเดือนมิ.ย. ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 48.1 จากระดับของเดือนพ.ค.ที่ 48.4 สะท้อนให้เห็นว่ากิจกรรมในอุตสาหกรรมการผลิตของจีนอยู่ในภาวะซบเซาในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการตอกย้ำกระแสคาดการณ์ในตลาดว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนกำลังชะลอลง
ขณะที่มาร์กิต อิโคโนมิคส์เปิดเผยว่า ดัชนี PMI เบื้องต้นของยูโรโซนในเดือนมิ.ย. ทรงตัวที่ 46.0