สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดร่วงลงเกือบ 4% เมื่อคืนนี้ (21 มิ.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก หลังจากจีนและสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 79 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 3.25 ดอลลาร์ หรือ 3.99% ปิดที่ 78.20 ดอลลาร์/บาร์เรล
ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนของจีนและสหรัฐทำให้เกิดความวิตกกังวลว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาจะทำให้ความต้องการพลังงานทั่วโลกชะลอตัวลงด้วย โดยเมื่อวานนี้ เอชเอสบีซี โฮลดิงส์เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ขั้นต้นของภาคการผลิตจีนในเดือนมิ.ย. ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 48.1 จุด จากระดับของเดือนพ.ค.ที่ 48.4 จุด สะท้อนให้เห็นว่ากิจกรรมในอุตสาหกรรมการผลิตของจีนอยู่ในภาวะซบเซาในเดือนมิ.ย.
ในด้านข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐนั้น ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียระบุว่า ดัชนีแนวโน้มธุรกิจร่วงลงอย่างหนักมาอยู่ที่ระดับ -16.6 จุด ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีที่แล้ว บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวกำลังส่งผลต่อกิจกรรมการผลิตในภูมิภาค
ขณะที่สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐที่ระบุว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค.ปรับตัวลดลง 1.5% มาอยู่ที่ระดับ 4.55 ล้านยูนิตต่อปี ขณะที่ราคากลางของบ้านมือสองขยับขึ้นเพียง 7.9% สู่ระดับ 182,600 ดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐเป็นไปอย่างยากลำบาก
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 16 มิ.ย. ขยับลงเพียง 2,000 ราย มาอยู่ที่ 387,000 ราย จากระดับของสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 389,000 ราย ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ เพิ่มขึ้น 3,500 ราย มาอยู่ที่ 386,250 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว บ่งชี้ถึงความอ่อนแอของตลาดแรงงานสหรัฐ
นอกเหนือจากข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐแล้ว ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของยุโรป โดยมาร์กิต อิโคโนมิคส์เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นของยูโรโซนในเดือนมิ.ย. ทรงตัวที่ 46.0 แต่ยังถือว่าหดตัวลง เนื่องจากดัชนียังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าระดับ 50 โดยดัชนีดังกล่าวเป็นดัชนีโดยรวมของทั้งภาคการผลิตและภาคบริการ