สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวเมื่อคืนนี้ (22 มิ.ย.) จากระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือนที่ทำไว้เมื่อวันพฤหัสบดี ขณะที่บรรดาผู้นำยุโรปหลายประเทศเห็นพ้องกันในมาตรการฟื้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจในยุโรป และมีปัจจัยหนุนจากข่าวพายุก่อตัวในอ่าวเม็กซิโก
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาด NYMEX ปิดปรับตัวขึ้น 1.56 ดอลลาร์ หรือ 1.99% แตะที่ 79.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนส.ค.ปิดขยับขึ้น 2.75 ดอลลาร์ ที่ 90.98 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในสัปดาห์นี้ น้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 4.27 ดอลลาร์ หรือ 5.08%
ขณะที่ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันในการซื้อขายช่วงแรกจากข่าวที่ว่ามูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิสได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือธนาคารรายใหญ่ 15 แห่งทั่วโลกเมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาสหรัฐ โดยระบุถึงความวิตกเกี่ยวกับศักยภาพในการทำกำไรของธนาคารดังกล่าวในตลาดตลาดทุนที่มีความเปราะบาง
แต่ราคาได้เริ่มปรับตัวขึ้นหลังจากบรรดาผู้นำของเยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี และสเปนได้เห็นพ้องกันเกี่ยวกับมาตรการมูลค่า 1.30 แสนล้านยูโรเพื่อช่วยฟื้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจในยุโรป แม้ว่าประเทศรายใหญ่ของยูโรโซนยังมีความเห็นต่างในประเด็นเกี่ยวกับการออกยูโรบอนด์เพื่อจัดการวิกฤตหนี้ แต่ความหวังเกี่ยวกับแนวโน้มทางเศรษฐกิจของยุโรปที่ปรับตัวดีขึ้นได้ช่วยหนุนบรรยากาศของตลาด
ส่วนพายุที่อาจจะพัดกระหน่ำอ่าวเม็กซิโกก็ได้ช่วยหนุนราคา ขณะที่ศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติระบุว่าอาจจะมีการก่อตัวของพายุโซนร้อนภายในช่วง 2 วัน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก