สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาดนิวยอร์กปิด เมื่อคืนนี้ (26 มิ.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลงในรอบสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาด NYMEX ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 85 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 80.21 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 78.68-80.92 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 2.01 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 93.02 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นหลังจาก EIA รายงานตัวเลขว่าสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 มิ.ย.ลดลง 133,000 บาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 387.17 ล้านบาร์เรล แต่ก็ยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลง 700,000 บาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 2.28 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 118.85 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 2.08 ล้านบาร์เรล แตะที่ 204.82 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 900,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 0.7% แตะ 92.6% ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัวอยู่ที่ 91.9%
ตลาดได้รับแรงหนุนมากขึ้นหลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ค. ปรับตัวขึ้น 5.9% สู่ระดับ 101.1 ซึ่งเท่ากับระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีที่ทำไว้เมื่อเดือนมี.ค. และถือว่าขยายตัวมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2554
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนขยายตัว 1.1% ในเดือนพ.ค. โดยได้รับแรงหนุนจากยอดสั่งซื้ออุปกรณ์ในภาคขนส่งที่ขยายตัว 2.7% เพราะยอดจองเครื่องบินและยอดสั่งซื้อรถยนต์เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า คนงานบริษัทน้ำมันในประเทศนอร์เวย์ได้ก่อเหตุประท้วงนัดหยุดงาน จนเป็นเหตุให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในนอร์เวย์ลดลง 240,000 บาร์เรลต่อวัน